บทที่ 1184 แท้จริงแล้วเจ้าคือใคร?!
กู้ซีจิ่วอึ้งไป เธอไม่แปลกใจเลยที่เขาใช้คาถาชำระล้าง ทว่าการเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขารวดเร็วเกินไปแล้วกระมัง?!
เมื่อสักครู่เสื้อคลุมนั้นยังฉีกขาดเป็นรูมากยิ่งกว่าเสื้อผ้าของพวกขอทาน แต่ตอนนี้ชุดสีม่วงของเขากลับใหม่เอี่ยม ไม่มีแม้แต่รอยยับสักรอย นุ่มลื่นดั่งแพรไหม เธอจำที่โม่เจ้าเคยพูดไว้ได้ หลังจากที่ตี้ฝูอีถูกจับตัวมา สิ่งของภายในมิติเก็บของของเขาถูกโม่เจ้าริบเอาไว้หมด แม้แต่กางเกงชั้นในก็ไม่เหลือไว้ให้ เช่นนั้นตอนนี้เสื้อคลุมใหม่เอี่ยมทั้งชุดมาจากที่ใดกัน?
อีกทั้งแถบแพรของเขาอันนี้ เธอจำได้ว่าเขาไม่ได้สวมใส่มาหลายวันแล้ว ตอนนี้กลับคาดอยู่บนหน้าผากเขา ความจริงต่อให้เขาไม่อาบนํ้าสักสิบวัน ก็ไม่มีกลิ่นเหม็น อย่างมากก็มีแค่กลิ่นคาวเลือด กู้ซีจิ่วไม่ได้รู้สึกอะไรกับกลิ่นนั้นเลย ที่เธอพูดเมื่อสักครู่ก็เพียงแค่หยอกเขาเล่นเท่านั้น คาดไม่ถึง เขากลับเปลี่ยนเสื้อผ้ากลางห้องโถงใหญ่ท่ามกลางฝูงชน!
แน่นอนว่าวิชาผลัดภูษาของเขาไม่ได้โจ่งแจ้งอันใด แต่กู้ซีจิ่วยังตกใจ
ตี้ฝูอีวางแขนลงบนไหล่ของนางอีกครั้ง กลิ่นหอมอ่อนๆ แตะที่ปลายจมูกนาง “ตอนนี้เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วกระมัง?”
ย่อมไม่รังเกียจอยู่แล้ว ในความเป็นจริงเธอไม่เคยรังเกียจเขา!
กู้ซีจิ่วถามหยั่งเชิง “วิชาที่ท่านใช้คือวิชาชำระล้าง?”
นิ้วมือขาวนวลดุจหิมะของตี้ฝูอีไหวไปมา “ไม่ใช่ มันคือคาถาชำระล้าง”
ฝูงชนมากมายเบิกตาโต
คาถาชำระล้างสูงส่งกว่าวิชาชำระล้างไม่น้อย
วิชาชำระล้างทั่วไปผู้มีพลังวิญญาณขั้นเจ็ดก็ใช้ได้แล้ว แต่แค่ทำให้เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านเท่านั้น อย่างตี้ฝูอีเหมือนจะชำระล้างจากหัวจรดเท้ามาแล้วด้วยวิชานี้ ถึงขนาดใช้คาถาชำระล้างเปลี่ยนเสื้อผ้าท่ามกลางฝูงชน เช่นนี้มีเพียงผู้มีพลังวิญญาณขั้นเก้าขึ้นไปจึงจะสามารถทำได้!
หรือก็คือพลังวิญญาณของเขาในตอนนี้คือขั้นเก้าเป็นอย่างตํ่า ตรวนสลายวิญญาณแปดเส้นตรึงเขาไว้ถึงเก้าวันกลับไม่มีผลกระทบใด สายตาทุกคนอดมองไปที่ตรวนสลายวิญญาณบนพื้นสองเส้นนั้นไม่ได้ สงสัยว่าของสิ่งนั้นคงถูกลอบสับเปลี่ยนไปแล้ว
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ชื่อเสียงระบือไกล ทั่วทั้งทวีปนอกจากเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้เห็นหัวมิเห็นหาง พลังวิญญาณของเขานับว่าสูงที่สุดรองลงมา อีกทั้งทำการสิ่งใดคุ้มดีคุ้มร้าย และไม่มีขีดจำกัด หากทำให้เขาไม่พอใจจะไม่มีทางมีชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน…
โดยปกติเมื่อทุกคนเจอเขาจะเหมือนหนูเจอแมว หลีกหนีได้ไกลเท่าใดยิ่งดี ด้วยเกรงว่าจะถูกเขาจดจำไว้ หลายวันมานี้ไม่ง่ายเลยถึงจะเห็นเขาตกที่นั่งลำบาก ยังคิดว่าครั้งนี้ต่อให้เป็นการทรมานชั่วครั้งชั่วคราว พลังวิญญาณนั้นก็จะสลายไปไม่น้อย ผลสุดท้าย…ผลสุดท้าย…
สีหน้าของกลุ่มคนที่เยาะเย้ยตี้ฝูอีเมื่อครู่ซีดเผือด เริ่มพยายามหาทางหลบหนีสุดชีวิต
โม่เจ้ามีสีหน้าซีดเผือดผิดปกติ “ตี้ฝูอี เจ้าเป็นใครกันแน่?!”
ตี้ฝูอีดีดนิ้วคราหนึ่ง “คำถามเบาปัญญา! เจ้าตะโกนเรียกชื่อข้าแล้วยังมาถามอีกว่าข้าเป็นใคร?”
โม่เจ้ากระชับหมัด “ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ได้เป็นแค่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!”
ตี้ฝูอีแย้มยิ้ม “เอ๋ เจ้าคงสงสัยว่าข้าเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์…”
‘เทพศักดิ์สิทธิ์’ สามคำนี้เหมือนดังคำสาป ทำให้สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนไป
เทพศักดิ์สิทธิ์ไม่สนใจเรื่องของโลกมนุษย์ แต่เป็นเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้เองที่ร้ายกาจที่สุดในทวีป ไม่มีผู้ใดไม่เคารพเทพศักดิ์สิทธิ์ต่อให้เป็นคนชั่วช้าที่สุดของทวีปนี้ก็ไม่กล้าล่วงเกินเขา หากทำให้พวกทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่พอใจบางทีเขายังพอหาวิธีได้ ทว่าหากทำให้เทพศักดิ์สิทธิ์ไม่พอใจ…
พวกเขาเกรงว่าแม้แต่ดวงวิญญาณก็ไม่อาจรักษาเอาไว้ได้!
ทุกคนต่างถอยร่นกลับไปอีกครั้ง นัยน์ตาทุกคนฉายความหวาดกลัว…
โม่เจ้านึกเสียใจทันทีที่พูดคำนั้นออกไป!
เดิมทีลูกน้องของเขาก็แตกความสามัคคีกันอยู่แล้ว หากตี้ฝูอีเป็นเพียงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย นั่นยังพอพูดกันได้…