Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1230

บทที่ 1230 มาที่นี่เป็นครั้งแรกใช่หรือไม่?

เขาเป็นบุรุษที่มีเสียงโทนกลาง ใสกระจ่างแจ่มชัด มีจังหวะจะโคนเสมือนสายลมโชยผ่านคลื่นสมุทร ระลอกคลื่นซัดสู่ฝั่ง ฟองคลื่นสีขาวราวหิมะสาดกระเซ็น

ผู้คนที่อยู่ด้านล่างเวทีฟังจนตกอยู่ในภวังค์หลงลืมตัวตน ทุกคนต่างกลั้นหายใจ ด้วยเกรงว่าถ้าหายใจดังไป จะขัดจังหวะเสียงสวรรค์เช่นนี้เอาได้

ด้านหลังเวทีมีพิณโบราณบรรเลงทำนองให้เขา ทำนองพิณเนิบนาบ เมื่อคลอกับเสียงเพลงของเขาก็ส่งเสริมเติมเต็มกันและกัน

เมื่อบทเพลงจบลง ฝูงชนจึงพ่นลมหายใจออกมา ไข่มุกมากมายนับไม่ถ้วนร่วงลงบนเวทีประหนึ่งสายฝน เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นมีวรยุทธ์ เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไข่มุกพวกนั้นสาดเทไปทั่วชัดๆ ทว่าไม่มีสักเม็ดเลยที่กระทบโดนตัวเขา

กู้ซีจิ่วยืนอยู่ค่อนไปทางด้านหน้าอยู่บ้าง ผู้คนรอบตัวเธอตะโกนชื่อหลานเฝ่ยออกมาเสมือนบ้าคลั่ง โปรยเงินออกมาอย่างบ้าคลั่ง และเนื่องจากกู้ซีจิ่วไม่มีเงิน จึงยืนมองอยู่ตรงนั้น ทำได้เพียงปรบมือแปะสองแปะ

เนื่องจากฝูงชนรอบข้างขับให้ดูเด่นชัด กู้ซีจิ่วที่ดูสุขุมเยือกเย็นเช่นนี้จึงดูผิดแผกแปลกแยกไปอย่างเห็นได้ชัด นักร้องนามหลานเฝ่ยผู้นั้นเดิมทีมองทุกสิ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย เงินทองมากมายโปรยปรายลงมาเช่นนี้ ขนตาของเขากลับไม่แม้แต่จะขยับเลย จิตใจเยือกเย็น สงบนิ่งดั่งขุนเขา

ทันใดนั้นเอง สายตาเขาพลันร่อนลงบนร่างกู้ซีจิ่ว สบตากับเธอแวบหนึ่ง กู้ซีจิ่วสบตากับเขาอย่างใจกว้างผ่าเผย หยักยิ้มให้เขาแวบหนึ่งอย่างเป็นมิตร คิ้วของหลานเฝ่ยขยับเล็กน้อย ยกมือขึ้นทำท่าอย่างหนึ่ง ฝูงชนรอบข้างเงียบลงในทันใด

“แม่นางท่านนั้น…” จู่ๆ หลานเฝ่ยก็เอ่ยขึ้น “มิพึงใจกับบทเพลงที่หลานเฝ่ยขับร้องหรือ?”

นํ้าเสียงยามพูดของเขาใสพิสุทธิ์ยิ่งนัก ดึงดูดปานก้อนหยกกระทบกัน

กู้ซีจิ่วมองซ้ายมองขวา จากนั้นมือน้อยๆ ก็ชี้เข้าที่ตน “ท่านถามข้าหรือ?”

หลานเฝ่ยพยักหน้า“มิผิด”

กู้ซีจิ่วเอ่ยถามอย่างใสซื่อ “ท่านมองจากตรงไหนว่าข้าไม่พอใจบทเพลงของท่าน?

“เจ้าสงบเยือกเย็นยิ่งนัก เพียงใช้ผ่ามือกระทบกันสองครั้ง จนเกิดเสียงคล้ายว่าเป็นสัญญาณ”

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก ที่แท้เขารังเกียจที่เธอไม้บ้าคลั่งเหมือนแฟนคลับของเขานี่เอง

“ข้าไม่มีเงิน” กู้ซีจิ่วตอบไปตามจริง “ดังนั้นจึงโยนไข่มุกให้ท่านไม่ได้”

ฝูงชนเงียบกริบ

นิสัยของชาวเงือกชมชอบความหรูหรา ส่วนใหญ่ล้วนมั่งมีนักทั้งสิ้น ต่อให้เป็นคนที่ยากจนที่สุดก็ยังพกไข่มุกหนึ่งร้อยแปดสิบเม็ดติดตัวอยู่เสมอ อีกทั้งพวกเขารักหน้ายิ่งนัก ต่อให้ข้นแค้นจนไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ ก็จะไม่ยอมให้ผู้อื่นมองออกเด็ดขาด ทานํ้ามันปลาลงบนปากสักหน่อยก็สามารถแสดงให้เห็นว่าความเป็นอยู่ของเขาดียิ่งนักได้แล้ว เสื้อผ้าที่สวมก็จะด้อยไม่ได้ ประเภทที่กล่าวออกมาต่อหน้าสาธารณชนว่าตนไม่มีเงินเช่นนี้ เพิ่งมีกู้ซีจิ่วเป็นรายแรก

หลานเฝ่ยไม่ถอดใจ “ไข่มุกสักเม็ดเจ้าก็ไม่มเลยหรือ?”

กู้ซีจิ่วยิ้มอย่างกระดากยิ่งนัก “ไม่มีสักเม็ดเลยจริงๆ”

หลานเฝ่ยพูดไม่ออกแล้ว

มีเสียง ‘ฮู้’ แว่วมาจากฝูงชน คงจะเป็นเพราะไม่เคยเห็นคนที่ยากจนข้นแค้นก็แสดงออกมาตรงๆ อย่างกู้ซีจิ่วมาก่อน อีกอย่างดูจากเสื้อผ้าที่นางสวมใส่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นหญิงสาวสูงศักดิ์ แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรสักแดงเดียวก็ไม่มีเลย?

หลานเฝ่ยคล้ายจะนึกอะไรขึ้นได้ “เจ้ามาที่นี่เป็นวันแรกและครั้งแรกใช่หรือไม่?”

“มิผิด”

มีเสียง ‘ฮู้’ ดังมาจากฝูงชนรอบข้างอีกครั้ง

“เช่นนั้นที่แม่นางมาดูการแข่งร้องเพลงก็เป็นการมาชมเรื่องครื้นเครงโดยเฉพาะสินะ?”

“ไม่ ข้ามาหาเงิน” กู้ซีจิ่วยังคงตอบไปตามจริงเช่นเดิม

หลานเฝ่ยยิ้ม ออกมาอย่างอดไว้ไม่อยู่ “แม่นางคิดจะหาเงินอย่างไรเล่า?”

“ร้องเพลง”

ฝูงชนทึ่มทื่อไปแล้ว …

เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบเรื่องการลงสมัครจึงเอ่ยปากขึ้น “แม่นางท่านนี้ก็มาลงชื่อเข้าร่วมการแข่งร้องเพลงเช่นกัน แม่นางกู้พอดีเลย ตาท่านขึ้นเวทีแล้ว”

สายตานับไม่ถ้วนกวาดผ่านร่างของกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของฝูงชนดังหึ่งๆ หัวข้อวิพากษ์วิจารณ์ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าหัวข้อจำพวก ‘เด็กสาวชาวมนุษย์ผู้นี้ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินตํ่าเอาเสียเลย กล้ามาร่วมการแข่งขันร้องเพลงในงานชุมนุมบุปผา’

——————————————————————

[1] วลีนี้มาจากเรื่องเล่าปรัมปราของชาวจีน กล่าวถึง นักร้องสาวชาวเกาหลีในยุคชุนชิวคนหนึ่งที่มีเสียงไพเราะเลิศลํ้า เมื่อได้ฟังบทเพลงของเธอถึง จะผ่านไปสามวันแล้วก็รู้สึกว่าเสียงเพลงนั้นยังกังวานอยู่ในหู ความไพเราะไม่เลือนหายไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version