บทที่ 1237 วิธีขอแต่งงานเช่นนี้ของเขาช่างพิลึกโดยแท้!
แต่เธอก็ไม่อยากใช้ทักษะต้านหมาป่าโจมตีเขา
ทั้งสองคนอยู่ในท่าทาบทับกันอย่างสมบูรณ์แล้ว กู้ซีจิ่วถึงขั้นที่สัมผัสได้ว่าร่างกายของเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างแท้จริงแล้ว ส่วนนั้นของเขาอยู่ตรงหว่างขาเธอพอดี…
ความร้อนนั้นแทบจะเผาผลาญเลือดลมของทั้งสองฝ่าย
ใบหน้าของกู้ซีจิ่วแดงก่ำไปหมดแล้ว หอบหายใจเล็กน้อย เธอไม่ได้รังเกียจที่จะมีความสัมพันธ์กับเขา แต่ว่าในสถานที่เช่นนี้…
ที่นี่เป็นโรงนํ้าชานะ!
ถึงแม้จะเป็นห้องส่วนตัว แต่ห้องส่วนตัวนี้ก็ไม่เก็บเสียง ถึงขั้นที่เธอสามารถได้ยินเสียงกระซิบของแขกคนอื่นที่อยู่ห้องข้างๆ ได้
“ท่านลุกขึ้นนะ…” ลมหายใจของเธอไม่มั่นคง
“เช่นนั้นเจ้าต้องตกลงแต่งให้ข้า!” ตี้ฝูอีไม่ปล่อยมือและไม่ลุกขึ้น
กู้ซีจิ่วยอมแพ้แล้ว “ได้ ข้าแต่ง ข้าแต่ง…”
พลางกัดฟันอีกครา “นี่ท่านลุกสิ ที่นี่เป็นโรงนํ้าชานะ ท่านคิดจะเล่นหนังสดให้ผู้คนที่นี่ยลยินหรือ?”
พูดยังไม่จบดี จู่ๆ ก็รู้สึกว่าบนนิ้วเย็นวาบ มีบางสิ่งสวมเข้ามา กู้ซีจิ่วก้มมองทันที พบว่าบนนิ้วมีแหวนเพิ่มเข้ามาวงหนึ่ง ซ้ำยังเป็นแหวนเลี่ยมทับทิมอีกด้วย เดิมทีทับทิมก็หายากอยู่แล้ว และที่รูปร่างงดงามสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ความบริสุทธิ์สูงถึงเพียงนี้ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่
ทับทิมเม็ดนั้นเป็นรูปหัวใจ เจียรหน้าตัดนับไม่ถ้วน ส่องสะท้อนแสงเทียนปานแสงตะวันที่ล้ออยู่บนผิวทะเลสาบ สวยสดตระการตา งดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ
หัวใจของกู้ซีจิ่วเต้นผิดจังหวะไปแวบหนึ่ง มองดูแหวนจากนั้นก็มองดูเขา “”สิ่งนี้ของท่านคือ?”
“เจ้าเคยบอกไว้มิใช่หรือ ว่าชายหญิงในยุคนั้นของพวกเจ้าเมื่อตกลงปลงใจกัน จะมอบแหวนให้ หากว่าฝ่ายหญิงตกลงก็จะรับแหวนไว้ใช่ไหม?” ตี้ฝูอีกุมมือเธอไว้ “ขนาดพอเหมาะ คู่ควรกับเจ้าที่สุด เจ้าไม่ได้ถอดออกมา นั่นเป็นหลักฐานว่าเจ้าตอบรับคำขอแต่งงานของข้าใช่ไหม?”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน
วิธีขอแต่งงานเช่นนี้ของเขาช่างพิลึกโดยแท้!
ราวกับการมัดมือชก กู้ซีจิ่วขบขันยิ่งนัก หัวใจก็อบอุ่นขึ้นมา นิ้วมือเธอกำๆ แบๆ อยู่ครู่หนึ่ง มองแหวนวงนั้น จากนั้นก็เอ่ยถามเขา “คงมิใช่ว่าแหวนวงนี้ก็ถอดออกไม่ได้เหมือนกำไลคู่บุพเพกระมัง?”
“แน่นอนว่ามิใช่ เจ้าสามารถถอดมันออกได้ทุกเมื่อ” ตี้ฝูอีดึงเธอให้ลุกขึ้น แล้วให้นั่งอยู่ในอ้อมแขน “แหวนวงนี้มคุณสมบัติอยู่อย่างหนึ่ง คือขับไล่มารปีศาจได้ ถ้ามีมารเข้าใกล้เจ้าในระยะหนึ่งจั้งแหวนวงนี้จะส่งสัญญาณเตือนด้วยตัวเอง เมื่อถึงเวลานั้นถ้าเจ้าสู้ได้ก็สู้ สู้ไม่ได้หนีเสีย ปลอดภัยยิ่งนัก สิ่งนี้มีประโยชน์กว่ากำไลคู่บุพเพมาก”
….
บางทีอาจเป็นเพราะต้องการชดใช้ความอยุติธรรมที่เธอได้รับ ในงานชุมนุมบุปผาตี้ฝูอีจึงซื้อของให้เธอมากมาย ของทุกชิ้นล้วนเป็นของลํ้าค่า ถึงขั้นที่หลายชิ้นสามารถใช้คำว่ามีค่าควรเมืองมาบรรยายได้
ยกตัวอย่างเช่น สร้อยข้อมือสีรุ้งทอแสงเจ็ดสี สีสันลวดลายงดงามกว่าหยกนภาจริงๆ ยังมีกำไลพลอยสีฟ้าอีก มองเผินๆ แล้วดูคล้ายกับกำไลคู่บุพเพวงนั้นยิ่งนัก นํ้างามกว่ากำไลคู่บุพเพวงนั้นด้วย ยามที่สวมไว้บนข้อมือราวกับมีธารสมุทรสายหนึ่งโอบล้อมอยู่ ที่พบเห็นได้ยากกว่านั้นคือ หน้าหนาวมันจะอุ่น หน้าร้อนมันจะเย็น ซํ้ายังมีสรรพคุณช่วยเพิ่มพูนพลังวิญญาณ กล่าวกันว่าถ้าสวมมันขณะฝึกฝนประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้นจากยามปกติเป็นเท่าตัว
ตี้ฝูอียังต้องตากระบี่สั้นเล่มหนึ่งด้วย กระบี่สั้นราวกับหิมะ กวัดแกว่งเล็กน้อย แสงกระบี่สีขาวพิสุทธิ์ก็จะวาบออกมา ผ่าหินผาที่อยู่ตรงหน้าเป็นสองซีกได้ เรียบเนียนประหนึ่งผ่าเต้าหู้
กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ มิน่าเล่าผู้คนถึงกล่าวกันว่า ใต้หล้านี้ผู้ที่มั่งคั่งที่สุดก็คือเจ้าสมุทร ยุคปัจจุบันเธอไม่เคยเห็นเจ้าสมุทรมาก่อน แต่ใต้มหาสมุทรลึกแห่งนี้อาณาจักรเงือกมั่งคั่งที่สุดแล้วจริง ๆ ของล้ำค่าหายากมากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหว ไม่เพียงแต่ดูดีเท่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนมีคุณสมบัติเช่นนั้นบ้าง เช่นนี้บ้าง มีส่วนช่วยในการฝึกฝนพลังวิญญาณเป็นอย่างมาก คุณสมบัติทรงอานุภาพ แน่นอน ของดีล้วนมีราคาแพงยิ่งนัก ทุกชิ้นราคาสูงลิบลิ่วทั้งนั้น