บทที่ 125
เจ้าจะไปรู้อะไร?!
“ข้านึกว่านางจะมีความสามารถสูงส่งเลิศเลอ สัมผัสชีพจรหรือมองหน้าก็สามารถมองออกได้ไม่ต่างกัน แต่ผลที่ได้กลับเป็นการวินิจฉัยที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง! ถ้าหากว่าการเกิดขึ้นตั้งแต่กำเนิดกับการเกิดขึ้นในภายหลัง มีการรักษาแบบเดียวกัน นางจะไม่ถามรายละเอียดเหล่านี้ก็ไม่เป็นไร แต่วิธีการรักษาสองอาการนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง! บางครั้งถึงขั้นสวนทางกันด้วยซํ้า! แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์กู่ผู้นี้มิได้วินิจฉัยให้รอบคอบก็สรุปผลเอาลวกๆ กล่าวว่าปานแดงนี้ไม่สามารถขจัดทิ้งได้ กระทำอย่างสุกเอาเผากินเช่นนี้จะไม่น่าขันไปหน่อยหรือ?”
กู่ซีชีอับจนวาจา ใบหน้าเฉิดฉายของนางที่ขาวผ่องมาตั้งแต่ไหนแต่ไรบัดนี้ขึ้นสีแดงจางๆ นางนึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกอีกฝ่ายกุมข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของตนไว้ในมือ
“เจ้า…เจ้าจะไปรู้อะไร?! ข้าใช่หมอธรรมดาเช่นนั้นเสียที่ไหน? หากชำนาญวิชาแพทย์เพียงจับชีพจรและดูสีหน้า ก็สามารถวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำแล้ว! ไม่จำเป็นต้องสอบถาม! อีกทั้งรอยแดงบนใบหน้าของเจ้าก็ซึมลึกเข้าไปในกล้ามเนื้อแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่กำเนิดหรือเกิดขึ้นภายหลังก็สายเกินแก้หมดหนทางเยียวยารักษาแล้ว ข้อวินิจฉัยของข้าไม่ได้ผิด! ข้าตรวจอาการสนใจเพียง ผลสัพธไม่สนใจขั้นตอน…” นางเถียงข้างๆ คูๆ
ประโยคที่กู่ซีซีกล่าวออกมานี้ ก็นับว่ามีเหตุผลอยู่เล็กน้อย
อย่างไรเสียปีนั้นหลังจากกู้ซีจิ่วมีรอยแดงปรากฏขึ้นบนใบหน้ากู้เซี่ยเทียนไม่เพียงแต่พานางไปหาหมอมากมายเพื่อตรวจอาการ แม้กระทั่งหมอหลวงที่ราชวงศ์เคยส่งไปหาถึงเรือน ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหมดหนทางรักษาแล้ว…
ยามนี้ถึงแม้กู่ซีซีจะวินิจฉัยอย่างสุกเอาเผากินเช่นนี้ แต่สุดท้ายแล้วข้อวินิจฉัยก็เป็นแบบเดียวกับหมอคนอื่นๆ จึงไม่อาจกล่าวได้ว่านางมีความผิดใหญ่หลวง สายตาของฝูงชนหันไปทางกู้ซีจิ่วอีกครั้ง อยากเห็นว่า นางจะตอบว่าอย่างไร กู้ซีจิ่วยังคงสงบเยือกเย็น “ผลของท่านก็คือรอยนี้บนหน้าข้าไม่อาจฟื้นฟูให้กลับเป็นปกติได้ตลอดกาล?”
“มิผิด!”
“หากข้าบอกว่า…มีทางรักษาล่ะ?”
กู่ซีซี “…จะเป็นไปได้อย่างไร?! ใครบอกเจ้าว่ามีวิธีรักษา?”
มือน้อยๆ ของกู่ซีจิ่วชี้เข้าหาตน “ตัวข้าเอง!”
กู่ซีซีหัวเราะคิกคัก “นี่เห็นได้ว่าเป็นคำพูดเหลวไหล! เจ้าไม่รู้วิชาการแพทย์ไม่ได้เป็นแม้แต่หมอทั่วไปด้วยซํ้า จะมีวิธีการได้อย่างไร? ”
“ข้าไม่รู้วิชาแพทย์หรือ?” นํ้าเสียงของกู้ซีจิ่วแผ่วเบา “เช่นนั้นข้าก็จะประลองกับสตรีศักดิ์สิทธิ์กู่! หากข้าแพ้ การเดิมพันครั้งนี้ก็ถือว่าข้าพ่ายแพ้ ถ้าข้าชนะ แปลว่า ทักษะการแพทย์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์กู่เทียบแม้แต่เด็กคนหนึ่งยังไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่ไร้ประโยชน์แล้วจะเรียกว่าอะไร?”
กู่ซีซีตกตะลึง
ฝูงชนก็ตกตะลึงเช่นกัน สวะอัปลักษณ์นางนี้รู้วิชาแพทย์ด้วยหรือ? ทั้งยังท้าสตรี ศักดิ์สิทธิ์กู่ประลองด้วย?!
ทั่วทั้งห้องโถงแทบจะเดือดพล่านแล้ว!
ถ้าหากกู้ซีจิ่วกล่าวเช่นนี้ตั้งแต่แรก ย่อมไม่มีใครเชื่อ คิดว่านางแค่พูดจาส่งเดช คุยโม้โอ้อวด แต่เมื่อนางผ่านการประลองกับกู่ซีซีในรอบนี้แล้ว จู่ๆ ทุกคนก็รู้สึกว่าต่อให้สาวน้อยนางนี้จะรู้วิชาแพทย์ก็ไม่น่าแปลกอะไร…
ทุกคนต่างเบิกตากว้าง แม้แต่จักรพรรดิก็ยังตกตะลึง พลันยืดกายขึ้น! นัยน์ตาคู่นั้นจ้องใบหน้ากู้ซีจิ่วเขม็ง จากการแสดงออกของกู้ซีจิ่วเมื่อครู่ เขามองออกว่านางรู้วิชาแพทย์แต่วิชาแพทย์ของนางจะเทียบกับสตรีศักดิ์สิทธิ์กู่ได้หรือไม่?
อย่าว่าแต่ก้าวข้ามกู่ซีซีเลย ต่อให้ได้แค่ครึ่งหนึ่งของอีกฝ่ายก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว! สามารถเรียกขานว่าหมอเทวดาได้เลย!
บนโลกนี้มีหมอเก่งๆ อยู่ไม่มาก ผู้ที่สามารถเรียกขานเป็นหมอเทวดาได้มีอยู่เท่าหยิบมือ ขาดแคลนเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าหากวิชาแพทย์ของกู้ซีจิ่วเลิศลํ้า นั่นก็แปลว่าอาณาจักรเฟยซิงมีวาสนาโดยแท้!ไม่เพียงแต่ไม่ใช่สวะไร้ค่า ทั้งยังเป็นสมบัติลํ้าค่าอีกด้วย!
ไม่เพียงแต่จักรพรรดิซวนที่สายตาเปล่งประกาย สายตาของ เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักต่างก็ทอประกายเช่นเดียวกัน จับจ้องอยู่ที่กู้ซีจิ่ว อยากเห็นท่าทีของนาง
องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวที่ยากนักกว่าจะเอ่ยปากพูด พลันกล่าววาจาขึ้นมา “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายขวา เสด็จพ่อพะย่ะค่ะ จะอนุญาตให้พวกนางทำการประลองครั้งนี้หรือไม่?”
จักรพรรดิซวนไหนเลยจะมีเหตุผลให้ไม่ยินยอม ตอบด้วยนํ้าเสียงเบิกบานทันที “ต้องทำการประลองกันจริงๆ ถึงจะสามารถตรวจสอบฝีมือที่แท้จริงได้ เราอนุญาต!”