บทที่ 1250 เช่นนั้นข้างามหรือไม่?
“เพิ่งมาถึงไม่นาน…” กู้ซีจิ่วตอบ เธอซุกอยู่ในอ้อมอกเขา ได้กลิ่นหอมจางๆ ที่คุ้นเคยจากร่างเขา หัวใจซัดสาดขึ้นลงปานกระแสนํ้า เธอโหยหาอาวรณ์อ้อมกอดนี้ยิ่งนักจริงๆ เสมือนติดฝิ่นก็มิปาน…
ศีรษะของเธอร้อนผ่าววูบหนึ่ง ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกเขา “ข้าคิดถึงท่าน”
แขนของตี้ฝูอีกอดเธอไว้แน่น หัวเราะเธออย่างอดไว้ไม่อยู่ “น้อยนักที่จะเห็นยามที่เจ้าแอบอิงผู้อื่นเสมือนวิหคน้อยเช่นนี้”
เขาสัมผัสมือของเธออีกครั้ง แตะใบหน้าน้อยๆ ของเธอ มือและหน้าของเธอเย็นมาก เขาขมวดคิ้ว จูงเธอให้ออกเดิน “เย็นขนาดนี้แล้ว ไปเถอะ ไปอุ่นตัวในห้องข้า”
กู้ซีจิ่วไม่ไป “ยากนักที่จะได้เห็นแสงจันทร์งดงามเช่นนี้ ข้าอยากเดินเล่นกับท่าน”
ตี้ฝูอีเงยหน้ามองจันทร์เสี้ยวบนฟากฟ้าดวงนั้น กล่าวโดยท่าทียิ้มมิเชิงยิ้ม “แสงจันทร์งดงาม?”
กู้ซีจิ่วก็เงยหน้ามองฟ้าเช่นกัน จันทร์เสี้ยวดวงนั้นสลัวเลือนรางยิ่งนัก ภายใต้ท้องฟ้าที่ดาษดื่นด้วยแสงดาวดูจืดจางราวกับภาพนํ้าหมึก เธอกระแอมคราหนึ่ง “ใช่ว่าจันทร์เพ็ญเท่านั้นถึงจะทำให้คนสนใจชื่นชมได้ จันทร์เสี้ยวก็มีข้อดีในแบบของจันทร์เสี้ยว ทำไม? ท่านไม่อยากร่วมชมกับข้าหรือ? ช่างเถอะ งั้นข้าไปก็ได้!”
คิดจะดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของเขา
ตี้ฝูอีรัดเธอไว้ “ไปเถอะ พวกเราไปเดินเล่นกัน”
….
ดวงเดือนเยียบเย็น ดาราดาดฟ้า
ด้านหลังวังค้ำนภามีภูเขาเล็กๆ ลูกหนึ่ง สูงต่ำมิอาจวัดค่าบรรพต หากมีเทพเซียนปรากฏย่างกราย
เดิมทีภูเขาลูกนี้ไม่เป็นที่รู้จัก แต่เป็นเพราะการมีอยู่ของวังคํ้านภา ภูเขาลูกนี้จึงมีชื่อเสียงยิ่งนัก ในแผ่นดินนี้ ได้รับการขนานนามว่าเขาค้ำนภา
ตำหนักนํ้าแข็งหลังนั้นที่จัดวางร่างเดิมของกู้ซีจิ่วไว้เดิมทีก็อยู่บนยอดเขาของภูเขาคํ้านภาลูกนี้ และเป็นสถานที่ที่มีไอวิญญาณหนาแน่นที่สุดของวังคํ้านภา จากตำหนักหลักของวังค้ำนภามีบันไดสายหนึ่งทอดยาวมาถึงตำหนักนํ้าแข็ง ขั้นบันไดศิลาเขียวทอดตัวคดเคี้ยวไปสู่สวนลึกในยามราตรีสองข้างบันไดมีวัชพืชเติบโตอยู่ เนื่องจากเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ อากาศในภูเขาลูกนี้จึงค่อนข้างอบอุ่น วัชพืชอ่อนบางที่สองข้างบันไดจึงมีสีเขียวขจีปรากฏออกมาเล็กน้อยแล้ว
ทั้งสองพากันเดินลงบันได ลมราตรีเหน็บหนาวยิ่ง กู้ซีจิ่วมองตี้ฝูอีที่สวมชุดนอนผ้าไหม เสื้อผ้าธรรมดาเมื่อมอบให้เขาสวมใส่ก็ส่งผลให้ดูสง่างามพลิ้วไหวปานเทพเซียน
“ท่านหนาวหรือไม่?” เธอยังคงเป็นห่วงเป็นใยเขา
ตี้ฝูอีอดไม่ที่จะยิ้มออกมา โอบเธอไว้ในอ้อมแขน “หนาว! ให้ความอบอุ่นข้าหน่อยสิ”
ถึงแม้เขาจะสวมเสื้อผ้าบางๆ ทว่าอ้อมกอดกลับอบอุ่นเช่นที่ผ่านมา เดิมทีกู้ซีจิ่วรู้สึกหนาวอยู่บ้าง เมื่อถูกเขากอดไว้เช่นนี้ก็อุ่นแทบจะหลั่งเหงื่อแล้ว
เธอมองดูเขา “ดูเหมือนท่านจะฟื้นฟูได้ไม่เลวเลยนะ ฟื้นฟูพลังวิญญาณได้กี่ส่วนแล้วล่ะ?”
พักฟื้นมาใกล้จะสองเดือนแล้ว บาดแผลบนร่างตี้ฝูอีส่วนใหญ่หายสนิทแล้ว พลังวิญญาณก็ฟื้นฟูกลับมาไม่น้อย พลังวิญญาณของเขาลึกลํ้าเกินไป ต่อให้สูญเสียพลังวิญญาณบางส่วนไปกู้ซีจิ่วก็เดาความตื้นลึกหนาบางของเขาไม่ออกอยู่ดี
“เกินครึ่งแล้ว” ตู้อีมองเธอที่อยู่ในอ้อมแขน “เจ้าฝึกฝนจนบรรลุขั้นแปดแล้ว!”
กู้ซีจิ่วดิ้นรนออกมาจากอ้อมแขนเขา หมุนตัวอยู่รอบหนึ่ง “เช่นนั้นข้างามหรือไม่?”
วันนี้เธอบรรจงแต่งตัวมา นัยน์ตาสุกสกาวดั่งจันทร์ ริมฝีปากเอิบอิ่มปานกลีบบุปผา สวมชุดสีฟ้าพลิ้วไหลที่ขับเน้นให้เห็นเรือนร่างที่เย้ายวนทรงเสน่ห์ของเธอ เอวบางเสมือนจะกำได้รอบ ทรวงอกดูอวบอิ่มเด่นนูนยิ่งนัก เรือนร่างเช่นนี้ทำให้ผู้คนก่ออาชญากรรมได้ง่ายนัก…
ดวงตาตี้ฝูอีฉายแววลุ่มลึกแวบหนึ่ง “งดงามมากจริงๆ! เด็กน้อย ไม่นึกเลยว่าร่างนี้ของเจ้าจะยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้”
กู้ซีจิ่วยิ้มบางๆ “ท่านหลงใหลร่างนี้เข้าแล้วสินะ? ท่านเคยบอกไว้ว่าเนื้อหนังมังสาเป็นสิ่งห่อหุ้มไว้ภายนอก”
ดูเหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นได้ จึงถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง “ท่านปกป้องร่างเดิมของข้าไว้ดีเหลือเกิน หากว่าเติบใหญ่ขึ้นมา ต้องเป็นโฉมงามที่ล่มบ้านล่มเมืองได้แน่นอน”
ตี้ฝูอีชะงักไปเล็กน้อย “แน่นอน จะงดงามนัก”
บางทีคํ่าคืนนี้อาจจะงดงามเกินไป บางทีเธอคงคิดจะลองเดิมพันดูอีกสักครั้ง
———————————————————————
[1] เอ่อร์หวงหนี่ว์อิง เป็นตัวละครจากตำนานชีวประวัติของจักรพรรดิซุน เป็นสององค์หญิงพี่น้องที่แต่งงานมีสามีคนเดียวกัน ก็คือจักรพรรดิซุน