Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1256

บทที่ 1256 เธอถูกควันรม

เพื่อยืนยันจุดยืนของตัวเอง เธอจึงชักไม้ฟืนติดไฟท่อนหนึ่งออกมาแล้ว ไปตรงหน้าเจ้าหอยยักษ์ เธอเคลื่อนไหวว่องไว เจ้าหอยยักษ์จึงถูกรมควันอย่างไม่ทันตั้งตัว น้ำตาไหลพรากในทันใด มันรีบถอยหลังไปทันที ฝาหอยแทบจะกลิ้งเข้าไปในกองไฟ ใช้ฝาพัดสุดชีวิต “จะถูกรมตายแล้ว!”

“ตอนนี้เชื่อหรือยัง?” กู้ซีจิ่วถามมันโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา

เจ้าหอยยักษ์ย่อมเชื่อแล้ว เพียงแต่มันยังคงฉงนอยู่บ้าง “เจ้านาย ท่านย่างเนื้อมาตั้งหลายครั้งแล้ว เป็นครั้งแรกเลยนะที่ถูกควันรมตาเอา ท่านไม่ระวังเกินไปแล้วจริงๆ”

กู้ซีจิ่วไม่สนใจมันใช่แล้ว เธอถูกควันรม ดังนั้นถึงอยากร้องไห้ขนาดนี้…

คนเราเมื่อได้รับบาดเจ็บย่อมรู้สึกเจ็บปวด แต่พอตกสะเก็ดแล้วย่อมจะหายดีในเร็ววัน

ตอนนี้เธอเพิ่งบาดเจ็บมาอยู่ในช่วงที่เจ็บปวดที่สุด หลังจากผ่านพ้นช่วงนี้ไปแล้ว เธอก็จะไม่เจ็บปวดอีก บาดแผลถึงลึกล้ำเพียงใดก็ถูกลมเป่าจนแห้งกลายเป็นแผลเป็นรอยหนึ่งได้…

ลู่อู๋กับ เพรียกวายุก็กลับมาแล้ว แต่ละตัวต่างล่าสัตว์กลับมาไม่น้อย เพียงพอให้หนึ่งคนสามสัตว์กินจนอิ่ม

เจ้าหอยยักษ์มองเจ้านายของบ้านตนอย่างเป็นกังวลยิ่งนัก วันนี้ดูเผินๆ เหมือนเจ้านายจัดการเรื่องราวได้เรียบร้อยเป็นขั้นเป็นตอน ความจริงแล้วมั่วซั่วเลอะเลือนอยู่บ้าง ยกตัวอย่างเช่นนางเลาะหนังของเสือเขี้ยวดาบตัวหนึ่งออกมา โยนเนื้อทิ้งไปทางหนึ่ง แล้วเอาหนังเสือมาเสียบย่างไฟ ผลคือย่างๆ หนังเสืออยู่ ก็ลุกไหม้กลายเป็นลูกไฟดวงหนึ่ง เกือบจะเผามือนางแล้ว ยังคงเป็นเจ้าหอยยักษ์ที่ตอบสนองว่องไว พ่นน้ำสายหนึ่งออกมาได้

ทันเวลาดับไฟให้นาง แต่หลังมือก็ถูกเผาจนพุพองไปแล้วสองจุด

“เจ้านาย?” เจ้าหอยยักษ์เปิดปากน้อยๆ เรียกนาง

ลู่อู๋น้อยก็โผเข้ามาเช่นกัน ตากลมแป๋วแหววทั้งสองข้างจ้องตุ่มน้ำ มันวาวสองจุดนั้น ลองใช้ลิ้นเลียดู เลียไปสองครั้งก็มองนางแวบหนึ่ง พบว่าเธอไม่มีท่าทีอึดอัดจึงหมอบลงแล้วเลียต่อ

ยังไม่ทันพูดอะไร เจ้าสองตัวนี้ก็จัดการให้เธออย่างตื่นตระหนกถึงเพียงนี้แล้ว ความรู้สึกที่ถูกไฟเผานั้นจึงทุเลาลงไปไม่น้อย

กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง ในใจยังคงอบอุ่นยิ่งนัก เธอสะกดอารมณ์ที่สับสนว้าวุ่นลงไป ยังคงมีแก่ใจเอ่ยล้อเล่น “ข้าเคยได้ยินมาว่าหนังเสือย่างไฟเลิศรสยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่าคำร่ำลือจะหลอกลวงผู้อื่น”

หยกนภาที่อยู่ตรงข้อมือเธอเปล่งแสงหลายครั้ง เห็นได้ว่าหัวเราะเยาะคำโกหกของเธอ

กู้ซีจิ่วจงใจแปลงสารของมันเสีย “พวกเจ้าดูสิ แม้แต่เสี่ยวชางก็ยังเห็นด้วยกับข้าเลย!”

ด้วยเหตุนี้ สหายหยกนภาจึงเปล่งแสงต่อเนื่องกันสามครั้ง ด้วยความขุ่นเคืองยิ่งนัก รู้สึกว่ายังไม่เพียงพอจะแสดงความขุ่นเคืองได้จึงเปล่งแสงอีกสามครั้ง

กู้ซีจิ่วเพียงทำเป็นไม่เห็น ด้านหยกนภาก็ไม่มีหนทางให้สื่อสารกับเธอมากนัก ไม่อาจตอบโต้แสดงตัวตนในสมองเธอได้อีกแล้ว…

ว่ากันตามจริง เธอยังคงพะวงเรื่องที่ขาดการเชื่อมต่อกับหยกนภาอยู่ยิ่งนัก ถึงแม้เจ้านี่จะเป็นตัวพูดจ้อตัวหนึ่ง ทว่าเป็นกุนซือที่แท้จริงของเธอ ความรู้มากมายของโลกใบนี้ล้วนป็นมันที่ประสิทธิ์ประสาทให้เธอ และเป็นเพื่อนคนแรกของเธอในโลกนี้ น่าเสียดายที่ต่อไปเธอจะเชื่อมต่อกับเสี่ยวชางไม่ได้อีกแล้ว…

จมูกของเธอดูเหมือนจะแสบร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เธอจึงหยุดคิดไปเสีย หยิบสุราไหหนึ่งออกมา ตบผนึกโคลนออกอย่างผ่าเผยแล้วกล่าวว่า “มีเนื้อแล้วขาดสุราจะหนำใจได้อย่างไร พวกเรามาดื่มกันเถอะ!”

ลู่อู๋ร้องออกมาอย่างปรีดาสองครา รีบวิ่งไปนั่งอยู่เบื้องหน้าเธอ เจ้าหอยยักษ์ก็น้ำลายไหลแล้ว อ้าฝาหอยคอยท่า

กู้ซีจิ่วหยิบชามใหญ่ออกมาสี่ใบ รินใส่แต่ละใบจนเต็ม “วางใจเถอะ มีสำหรับทุกคน ลู่อู๋เจ้ายังเล็กอยู่ เจ้าดื่มน้อยหน่อย แค่ชามนั้นก็พอ”

เจ้าหอยยักษ์แสดงออกอย่างฮึกเหิม “เจ้านาย ข้ากินหนัก ดื่มหนัก ข้าดื่มมากๆ ได้!”

ครั้งนี้กู้ซีจิ่วเตรียมข้าวของสำหรับเดินทางครบครันยิ่ง สุราเลิศรสก็เตรียมไว้ไม่น้อย เธอหยิบออกมาสามไหวางไว้ตรงนั้นเลย “ดื่ม! วันนี้เจ้าจะได้ดื่มอย่างเปรมปรีดิ์!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!