บทที่ 1287 เปิ่นจุนบอกแล้วไงว่าไม่กลัวขายหน้าคน
จักรพรรดิของอาณาจักรต่างๆ หัวหน้าของพรรคต่างๆ ประมุขของตระกูลต่างๆ ก็มาถึงหมดแล้ว แม้กระทั่งจักรพรรดิของอาณาจักรเฮ่าเยวี่ยที่เคยมีบัญชีความแค้นกับอาณาจักรเฟยซิงก็นำขบวนมาด้วยตัวเอง ตอนนี้พักอยู่ที่จวนรับรองแล้ว!
หลายวันมานี้ทั่วสารทิศล้วนพูดคุยถึงงานวิวาห์ที่ยิ่งใหญ่แห่งยุคงานนี้ สถานการณ์คึกคักแตกตื่นเหนือธรรมดา ผลคือท่านเทพศักดิ์สิทธิ์บอกว่ายกเลิกงั้นหรือ?!
หากยกเลิกไปแล้ว ไม่เพียงแต่เป็นการสาดนํ้าเย็นใส่คนทั้งหลายเท่านั้น ยังทำให้วังคํ้านภาต้องกลายเป็นที่น่าขบขันอย่างยิ่งอีกด้วย!
นี่เกี่ยวโยงจนทำให้ภาพลักษณ์ของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมีปัญหาเอาได้ วังคํ้านภาจะสูญเสียคนผู้นี้ไปไม่ได้!
อีกอย่างมิใช่ว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์คิดอยู่ตลอดหรอกหรือว่าจะแต่งกู้ซีจิ่วเข้าบ้าน?
ซํ้ายังตกแต่งห้องหอและโถงพิธีเองกับมือด้วย…
ห้องหอท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มิให้ผู้ใดเข้าไปเลย ดังนั้นมู่เฟิงจึงไม่ทราบว่าด้านในตกแต่งอย่างไร แต่โถงพิธีเขาได้เห็น เขาเป็นคนที่ขาดแคลนถ้อยคำจึง บรรยายได้เพียงว่างดงามตระการตา มีข้าวของมากมายหลายอย่างที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์รังสรรค์จัดวางด้วยมือตน!
ถ้างานแต่งนี้เป็นโมฆะ เช่นนั้นสิ่งเหล่านี้จะไม่เป็นการยุ่งวุ่นวายไปอย่างเสียเปล่าหรอกหรือ?!
มู่เฟิงรู้สึกทนไม่ได้!
เขาใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ทำใจกล้าออกความเห็น “นายท่าน ข้าน้อยมีความคิดเห็นประการหนึ่ง บางทีอาจเป็นการดีสำหรับทั้งสองฝ่าย”
ตี้ฝูอีเอ่ยสั้นๆ “ว่ามา!”
มู่เฟิงพูดถึงส่วนที่จะขายหน้าถ้าหากยกเลิกงานวิวาห์ก่อน จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “ถึงแม้จะหาตัวแม่นางกู้ไม่พบเลย แต่ร่างเดิมของนางก็ยังอยู่นี่ขอรับ การใช้วิชาหุ่นเชิดควบคุมไม่เหนือบ่ากว่าแรงท่านเลย เข้าพิธีกับร่างเดิมของนาง อย่างไรเสียขอเพียงวันนั้นนางปฏิบัติตามขั้นตอนได้ก็พอแล้ว และไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ท่านก็เข้าพิธีไปเช่นนี้ก่อน ให้สถานการณ์นี้ผ่านพ้นไปแล้วค่อยว่ากัน เช่นนั้นต่อให้นางหลบหนีไปก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของท่านอย่างชอบธรรมแล้ว พวกเราค่อยสงบจิตสงบใจตามหานางต่อก็พอ ในเมื่อนางยังมีชีวิตอยู่จะต้องปรากฏตัวขึ้นในไม่ช้าก็เร็วแน่ขอรับ ไม่อาจกบดานอยู่ที่ใดไปได้ชั่วชีวิต…”
ตี้ฝูอีเงียบไปอีกครั้ง ผ่านไปพักใหญ่ถึงเปิดปากเอ่ย “ข้าไม่อยากแต่งงานกับผู้ใดนอกจากนาง!”
มู่เฟิงเอ่ยเตือนอย่างหวังดี “นายท่าน ที่ท่านแต่งด้วยก็คือนางเหมือนกันนะขอรับ เพียงแต่ใช้วิชาหุ่นเชิดควบคุมนิดหน่อยเท่านั้น”
ตี้ฝูอีหลับตาลงเล็กน้อย “นั่นก็ไม่ใช่นางเหมือนกัน!”
เขาไม่สนใจสังขารที่กลวงเปล่า
มู่เฟิงถูหน้าผาก “แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่อะไรแล้ว” ตี้ฝูอีตัดบทเขา “ยกเลิกงานแต่งซะ เปิ่นจุนไม่กลัวขายหน้าคน”
มู่เฟิงยังจะพูดอะไรได้อีกเล่า
ตี้ฝูอีกล่าวเรียบๆ ว่า “หนนี้นางหนีไปอย่างหมดจดยิ่งนัก พูดให้ชัดคือนางไม่อยากแต่งให้ข้าจริงๆ ในเมื่อนางไม่อยากแต่งจริงๆ ต่อให้ข้าฝืนบังคับ ใจนาง พอนางกลับมาไม่แน่ว่าอาจเป็นการยั่วยุให้นางชิงชังยิ่งกว่าเดิม แตงที่ฝืนเด็ดย่อมไม่หวาน เคารพต่อความคิดเห็นของนางเถอะ”
จากนั้นก็ยิ้มแวบหนึ่ง “บางทียกเลิกงานแต่งแล้ว นางอาจกลับมาเองก็ได้…”
ถึงแม้เขาจะกล่าวยิ้มๆ ทว่าสุ้มเสียงเปล่าเปลี่ยวอยู่บ้าง “ถึงอย่างไรนางก็ซ่อนเร้นจากข้ามิใช่หรือ?”
มู่เฟิงปวดใจแปลบ ไม่พูดอะไร เอ่ยถามเพียงประโยคหนึ่ง “ในเมื่อจะยกเลิก ก็ต้องมีเหตุผลนะขอรับ ถ้าบอกว่านางหนีงานแต่งจะฉีกหน้าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเกินไป มิสู้บอกว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายพบว่าแม่นางกู้มิใช่คนที่พึงใจจะใช้ชีวิตร่วมกัน ดังนั้นจึงล้มเลิกงานวิวาห์”
ตี้ฝูอีมองเขาแวบหนึ่ง “ไม่ต้อง แค่บอกว่าแม่นางกู้พบว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมิใช่คนที่พึงใจจะใช้ชีวิตด้วย ดังนั้นจึงพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อขอถอนหมั้น ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็ตอบรับคำขอนี้แล้ว ดังนั้นจึงล้มเลิกงานวิวาห์…”
“แต่ถ้ากล่าวเช่นนั้นวังคํ้านภาของพวกเราจะขายหน้าผู้อื่นเกินไป…”
ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้ยิ่งใหญ่ถูกศรีภรรยาที่กำลังจะแต่งเข้าประตูถอนหมั้น!
ถ้าแพร่ออกไปจะขายหน้าผู้อื่นยิ่งนัก…
มือข้างหนึ่งของตี้ฝูอีเท้าศีรษะไว้ เอ่ยอย่างเฉยเมย “เปิ่นจุนบอกแล้วไง ว่าไม่กลัวขายหน้าคน”
เรื่องภาพลักษณ์หน้าตาเหล่านี้เขาไม่ใส่ใจเสมอมา