Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1290

บทที่ 1290 เพราะข้ามีความสามารถมากกว่าเจ้า

เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเสื้อผ้ายังคงเป็นระเบียบเรียบร้อย สีหน้าก็สงบนิ่งยิ่งนัก แต่กลับทำให้คนรู้สึกถึงความไร้ชีวิตไร้ชีวาอย่างหนึ่ง

ตี้ฝูอีไม่ได้ทักทายเขา พูดจาเข้าประเด็นเลย “เจ้าพบสานุศิษย์สวรรค์คนใหม่แล้วหรือ?”

หลงซือเย่ไม่ตอบซํ้ายังถามกลับ “สรุปแล้วเจ้าสองคนเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ซีจิ่วล่ะ?”

ใบหน้าหล่อเหลาของตี้ฝูอีขรึมลงเล็กน้อย “เจ้าใช้กิจของสานุศิษย์เป็นข้ออ้างเพื่อมาถามคำถามไร้สาระไม่กี่ประโยคหรือ?”

เมื่อสีหน้าเขาเคร่งขรึม พลังอำนาจก็เพิ่มสูงขึ้นยิ่งนัก ทว่าหลงซือเย่กลับไม่เกรงกลัวเขา และยิ้มหยันพลางเอ่ยว่า “ข้ามีเรื่องของสานุศิษย์สวรรค์อยู่บ้างจริงๆ เพียงแต่ข้ากังวลเรื่องของซีจิ่วมากกว่า หลายวันก่อนข้าเคยติดต่อกับนาง ติดต่อไม่ได้อยู่ตลอดเวลา นกสืบรอยก็หาร่องรอยของนางไม่พบ เจ้าบอกข้ามาตามจริง นางเกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่?”

นํ้าเสียงตี้ฝูอีเฉยเมย ทว่าไม่ปิดบังเขา “นางหนีงานแต่งไปแล้ว”

หลงซือเย่ตัวแข็งทื่อทันที เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ “จะเป็นไปได้ยังไง?! นางชอบเจ้าถึงเพียงนั้น ปักใจอยากออกเรือนกับเจ้า เป็นไปได้อย่างไรที่จะหนีงานแต่ง? ระหว่างพวกเจ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

จู่ๆ ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ “สาเหตุมาจากเรื่องร่างเดิมของซีจิ่วใช่หรือไม่? อันที่จริงข้าไม่เข้าใจยิ่งนัก เพราะเหตุใดเจ้าถึงไม่สลับร่างคืนให้นาง? เจ้าน่าจะรู้ดีว่าตัวยาที่ข้าจะใช้กับนางในตอนนั้นสามารถช่วยให้นางคืนร่างได้จริงๆ สามารถขจัดอาคมที่หลงฟั่นลงไว้ในร่างนางให้นางได้ ทำให้ดวงวิญญาณของนางออกจากร่างโคลนนิ่งร่างนั้นอย่างปลอดภัยได้ ซีจิ่วมีเงามืดต่อร่างโคลนนิ่งเสมอมา อย่าว่าแต่เดิมทีร่างเดิมของนางก็เหนือล้ำ กว่าร่างโคลนนิ่งอยู่แล้วเลย ต่อให้คุณสมบัติดั้งเดิมของร่างโคลนนิ่งมีพลังวิญญาณขั้นเก้า ส่วนร่างเดิมของนางมีพลังวิญญาณขั้นหก นางก็จะละทิ้งร่างโคลนนิ่งเสมือนสลัดรองเท้าขาดๆ ทิ้งไป นางถึงขั้นที่ค่อนข้างชิงชังร่างโคลนนิ่งด้วยซํ้า นางคิดว่านั่นเป็นอาชญกรรมที่ต่อต้านมนุษยชาติ…”

ตี้ฝูอีไม่พูดอะไร บางเรื่องเขาก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายต่อหลงซือเย่

หลงซือเย่พูดไปมากมายถึงเพียงนี้ก็ยังไม่ได้รับการอธิบายกลับมาจากตี้ฝูอี จึงโมโหยิ่งขึ้น กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ตี้ฝูอี ข้าขอถามเจ้า วันนี้เจ้ายกเลิกพิธีวิวาห์กับนางเพราะคิดจะทอดทิ้งนางแล้วใช่ไหม?”

ตี้ฝูอีเงยหน้าขึ้นตอบอย่างเยียบเย็น “ยกเลิกเพียงพิธีวิวาห์เท่านั้น!”

เขาไม่ได้ยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย ส่วนสัญญาหมั้นหมายจะยกเลิกหรือไม่นั้น เขารอให้ตามหานางพบแล้วค่อยว่ากัน

นํ้าเสียงหลงซือเย่ก็เยียบเย็นเช่นกัน “ข้าไม่สนว่าสรุปแล้วระหว่างพวกเจ้าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ในเมื่อนางเลือกที่จะหนีงานแต่ง นั่นพิสูจน์ได้ว่านางไม่อยากออกเรือนกับเจ้าจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้การถอนตัวของข้าก็ไม่มีความหมายแล้ว ข้าจะต่อสู้แย่งชิงนางอีกครั้ง!”

ตี้ฝูอีสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง เอ่ยเพียงสามคำ “ตามสบาย”

หลงซือเย่ถูกตอกกลับจนพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง “เรื่องนี้ละไว้ก่อน ถึงแม้นางจะหนีงานแต่งไป แต่ข้าไม่เชื่อว่าด้วยความสามารถในการหาตัวคนของเจ้าจะหาตัวนางไม่พบ ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน? ข้าต้องการพบนางก่อน”

ตี้ฝูอีตอบอย่างเย็นชา “ถ้าหากข้ารู้ว่านางอยู่ที่ไหน ยังจะยกเลิกงานวิวาห์ครั้งนี้หรือ?”

หลงซือเย่นิ่งงัน สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนแล้ว เขาทราบความสามารถในการหาตัวคนของตี้ฝูอีดี ขอเพียงเป็นคนที่เขาต้องการตามหาไม่มีทางหาไม่พบหากว่าแม้แต่เขาเองก็อับจนหนทางเหมือนกัน…

“นางเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นหรือ ?!? ถูกโม่เจ้าหรือไม่ก็หลงฟั่นจับตัวไปหรือเปล่า?!” หลงซือเย่คาดเดา

“นางยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้ถูกโม่เจ้ากับหลงฟั่นจับไป เนื่องจากยามนี้สองคนนั้นเป็นโพธิสัตว์ข้ามคงคา ยากจะปกปักษ์ตนได้[1] ไม่สามารถจับตัวนางได้”

หลงซือเย่คลางแคลง “เจ้ารู้ได้ยังไง?”

“เพราะข้ามีความสามารถมากกว่าเจ้า” ตี้ฝูอีตอบอย่างยั่วโมโหคนแล้วไม่ยอมชดใช้

เรื่องเหล่านี้ที่หลงซือเย่คิดได้ เขาก็คิดได้ก่อนนานแล้ว ดังนั้นเขาจึงเคยไปพยาการณ์ดวงดาวมาก่อน มองเห็นว่าดาวดวงนั้นที่เป็นตัวแทนของกู้ซีจิ่วยังคงส่องสว่างอยู่ ไม่ได้ถูกดาวตัวแทนของโม่เจ้าหรือว่าหลงฟั่นห้อมล้อม…

———————————————————————

[1] โพธิสัตว์ข้ามคงคา ยากจะปกปักษ์ตนได้ หมายถึง เอาตัวเองยังไม่รอดแล้วจะไปยุ่งอะไรกับใครได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!