Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1306

บทที่ 1306 พาข้าไปหานาง 5

ฝูงชนย่อมทราบถึงจุดนี้เช่นกัน แต่ถ้าปล่อยเขาไปเช่นนี้ หากว่าวันหน้า เขาคิดจะเอาคืน…

ตี้ฝูอีคล้ายจะเดาความคิดทั้งหมดของพวกเขาได้ “ความเคียดแค้นที่พวกเจ้ามีต่อข้าอยู่ในความคาดหมายของข้าอยู่แล้ว ในเมื่อข้ากล้าเข้ามา ย่อมไม่เกรงกลัวการล้างแค้นของพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะสังหารข้าได้จริงๆ น่ะหรือ?”

ฝูงชนมองดูใบหน้าขาวซีดของเขา จากนั้นก็มองร่างกายที่ดูเหมือนจะสั่นเทาของเขา มีบางคนเยาะหยันออกมา “สภาพของเจ้าในยามนี้ต่อให้เป็นเด็กน้อยไม่กี่ขวบก็สามารถสังหารเจ้าได้…”

ประโยคของเขายังไม่ได้กล่าวให้จบ จู่ๆ เงาร่างคนผู้หนึ่งก็แวบมาอยู่เบื้องหน้า ร่างกายพลันชาหนึบขึ้นมา รอจนปฏิกิริยาตอบสนองของเขากลับคืนมา ก็พบว่าตกอยู่ในกำมือของตี้ฝูอีแล้ว ฝ่ามือขาวเนียนของตี้ฝูอีจ่ออยู่บนลำคอเขา นํ้าเสียงเย็นชาดั่งธารนํ้าแข็ง “ผู้ใดจะสังหารผู้ใดเล่า? วรยุทธ์ของเจ้ายังเทียบเด็กน้อยวัยไม่กี่ขวบไม่ได้สินะ?”

คนผู้นั้นหน้าเปลี่ยนสีแล้ว อ้าปากเล็กน้อยทว่าพูดไม่ออก พลังวิญญาณของคนผู้นี้ไม่ถึงขั้นเจ็ด เป็นคนที่มีพลังยุทธ์ตํ่าที่สุดในคนกลุ่มนี้ แต่ก็ไม่เลวยิ่งนักแล้ว อย่าว่าแต่เด็กน้อยเลย ต่อให้เป็นชายชาตรีกว่าสิบคนก็เข้าใกล้ร่างเขาไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่ดูราวับถูกลมพัดก็ปลิวแล้วจับกุมได้…

กระบวนท่านี้ของตี้ฝูอีมีผลลัพธ์ชวนตะลึงยิ่งนัก ผู้คนที่เดิมทีค่อนข้างฮึกเหิมคึกคักชะงักฝีเท้าลงอีกครั้ง

ตี้ฝูอีกวาดตามองแวบหนึ่ง หยักมุมปากบางๆ “หากว่าพวกเจ้าหยุดมือในยามนี้ ข้าจะไม่ถือสาหาความ หากว่ายังไม่รู้จักความเป็นความตายอีกก็เข้ามาเลย! ข้ารับประกันเลยชาตินี้ทั้งชาติพวกเจ้าอย่าได้ฝันว่าจะออกไปจากที่นี่ได้!”

วาจานี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าตระหนกยิ่งนักจริงๆ ประกอบกับตี้ฝูอีในยามปกติแข็งแกร่งเหลือเกิน ในใจของคนเหล่านี้ค่อนข้างยำเกรงเขา เมื่อได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ หัวใจก็สั่นไหวเล็กน้อย บางคนที่ค่อนข้างมีเหตุผลอยู่บ้างถึงแม้ในมือจะยังถืออาวุธไว้ แต่คมอาวุธก็ไม่ได้ชี้ไปทางตี้ฝูอีแล้ว สุ้มเสียงยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “เจ้าพูดจริงหรือ?”

“แน่นอน!” นํ้าเสียงตี้ฝูอีราบเรียบ พลางผลักคนที่จับไว้ออกไป ปล่อยเขาให้เป็นอิสระ

ฝูงชนนิ่งงัน

คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนถูกโยนเข้ามาที่นี่ตั้งแต่อายุยังน้อย ได้ยินชื่อเสียงของตี้ฝูอีมามากมาย แต่คนที่รู้จักเขาอย่างแท้จริง แทบไม่มีอยู่เลย ดังนั้นจึงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งในคำพูดของเขา เพียงแต่ เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่คิดจะลงมือต่อแล้ว

เมื่อครู่พวกเขาตกอยู่ภายใต้ความโกรธแค้นจนหัวร้อน ถึงได้หุนหันพลันแล่นเช่นนี้ ตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็ค่อยๆ ใจเย็นลงบ้างแล้ว

ถ้าสังหารท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ไปจะมีปัญหาตามมาภายหลังจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเขายังไม่สามารถสังหารเขาได้…

อันที่จริงสิ่งที่เรียกว่าคู่หมั้นคู่หมายหลัวจั่นอวี่ค่อนข้างเชื่อถืออยู่บ้าง เพียงแต่เขาไม่กระจ่างแจ้งในทัศนคติแท้จริงของกู้ซีจิ่วที่มีต่อตี้ฝูอีไปชั่วขณะหนึ่ง ถึงอย่างไรในฝันร้ายทั้งสองครากู้ซีจิ่วก็ตะโกนนามของคนผู้นี้ออกมาเสมอ…

เพียงแต่ไม่ทราบว่าเป็นความรักหรือความชังถึงทำให้นางหมกมุ่นอยู่กับคนผู้นี้เช่นนี้ ดังนั้นเขาใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องรีบร้อนไป ทุกอย่างยังต้องรอซีจิ่วกลับมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

พลางหันไปมองตี้ฝูอีอีกครั้ง “ความเป็นมาของเจ้าไม่ชัดเจน…”

เขากำลังจะเอ่ยว่าขอจำกัดบริเวณของตี้ฝูอีไว้ที่นี่ก่อน รอให้กู้ซี้จิ่วกลับมาแล้วค่อยตัดสินใจอีกที กลับนึกไม่ถึงว่าตี้ฝูอีจะไม่มองเขาอีกเลย เคาะเปลือกของเจ้าหอยยักษ์โดยตรง “พาข้าไปหานาง!”

“ได้!” เจ้าหอยยักษ์ตอบรับ ย่อตัวลง รอให้ตี้ฝูอีขึ้นมา

“อ้าฝา” ตี้ฝูอีกล่าวเพียงสองคำ

เจ้าหอยยักษ์อ้าฝาออกอย่างมึนงง จากนั้นตี้ฝูอีก็ค่อยๆ เข้าไปในฝาหอยของมัน “เอาล่ะ ไปหานางกัน ข้ากริ่งเกรงการกระทบกระเทือน เจ้าวิ่งให้มั่น คงหน่อยแล้วกัน”

เจ้าหอยยักษ์พูดไม่ออกแล้ว

ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ไม่ว่ายามใดก็ล้วนใช้งานหอยเช่นนี้อยู่รํ่าไป…

….

เจ้าหอยยักษ์จากไปดั่งควันสายหนึ่ง แม้กระทั่งลู่อู๋น้อยก็ตามหลังไปด้วย ฝุ่นควันม้วนตลบไปตลอดทาง พริบตาเดียวก็หายลับไป ชัดเจนยิ่งนักว่าไปหากู้ซีจิ่วแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!