บทที่ 1312 ท่านมาดูอาการให้เขาก่อน!
มันมองเข้าไปในฝาแวบหนึ่งตามสัญชาตญาณ พบว่าตี้ฝูอีที่นั่งสมาธิอยู่ด้านในตลอดเพิ่งจะลุกขึ้นยืน มองทิศทางที่กู้ซีจิ่วหายลับไปด้วยสีหน้าที่ซีดเซียวอย่างยิ่ง…
เจ้าหอยยักษ์กระแอมคราหนึ่ง “นาง…นางรีบร้อนต้องการช่วยชีวิตคน คงจะมองไม่เห็นท่าน เอาเช่นนี้แล้วกัน …ข้าบรรทุกท่านกลับไปอีกรอบดีไหม?”
ตี้ฝูอีไม่พูดอะไร ทว่าร่างกายกลับซวนเซเล็กน้อย เหม่อมองออกไปไกลๆ อย่างเงียบงัน
ยามนี้ปฏิกิริยาตอบสนองของผู้คนรอบข้างก็กลับมาแล้วเช่นกัน มองตี้ฝูอีที่อยู่ในฝาเจ้าหอยยักษ์ พวกเขายังคงค่อนข้างฉงนยิ่งนัก “ผู้นี้คือ?”
เจ้าหอยยักษ์เคยเปิดโปงฐานะของตี้ฝูอีจนถูกผู้อื่นล้อมโจมตีมาแล้ว ดังนั้นหนนี้มันจึงมีบทเรียนแล้ว กล่าวอย่างคลุมเครือประโยคเดียวว่า “เขาคือผู้มาใหม่…”
ไม่รอให้ฝูงชนได้ซักถามต่อความยาวสาวความยืด มันก็เสริมขึ้นมาอีกประโยค “และเป็นคู่หมั้นคู่หมายของนายข้าด้วย”
ตกตะลึง คือสีหน้าของฝูงชน
สงบนิ่ง คือการแสดงออกของตี้ฝูอี เขาเอ่ยเพียงประโยคเดียว “กลับไป!”
“ขอรับ!” เจ้าหอยยักษ์ตอบรับ หันหลังกลับทันที ตี้ฝูอีที่อยู่ในฝามันพลันโซเซ กระอักโลหิตออกมาในทันใด พ่นไปทั่วร่างกายที่อยู่ในฝาของเจ้าหอยยักษ์ เจ้าหอยยักษ์สะดุ้งโหยง พอก้มหน้ามองก็เห็นสีหน้าของตี้ฝูอีซีดขาวดั่งหิมะ หลับตาแน่นิ่ง ถึงแม้เจ้าหอยยักษ์จะไม่รู้วิชาแพทย์ แต่มันก็สามารถสัมผัสถึงความแข็งแกร่งอ่อนแอจากกลิ่นอายของมนุษย์ได้ กลิ่นอายของท่านตี้ฝูอีอ่อนแอยิ่งนัก ไม่น่าเชื่อว่ามีสัญญาณของการสิ้นชีพอยู่จริงๆ…
เจ้าหอยยักษ์โง่งมไปแล้ว ใช้รยางค์เท้า ตรวจสอบร่างเขาอย่างระมัดระวัง แทบจะสัมผัสถึงการเต้นของหัวใจตี้ฝูอีไม่ได้เลย นี่เป็นเรื่องจริงหรือว่าเสแสร้ง?
ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมีช่วงเวลาที่อ่อนแอเช่นนี้ด้วยหรือ?!
เป็นไปไม่ได้กระมัง?
เขาแข็งแกร่งไร้พ่ายมาโดยตลอดนะ จะอ่อนแอจนกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?
เมื่อกี้เขายังปานพยัคฆ์ผาดมังกรโผนอยู่เลย ยังจับยอดฝีมือคนหนึ่งมาเป็นตัวประกันได้สบายๆ ด้วย…
เจ้าหอยยักษ์ใช้รยางค์ผลักตี้ฝูอีต่อเนื่องกันถึงสามครั้ง ผลคือเขายังคงแน่นิ่งไม่ไหวติงเช่นเดิม สีหน้าก็ซีดเซียวขึ้นเรื่อยๆ โลหิตที่ไหลซึมออกมาจากมุมปากมีไม่น้อยที่เปรอะเปื้อนใบหน้าเขา เขาก็ไม่ยกมือขึ้นมาเช็ดเลยเหมือนกัน…
ชีวิตนี้เจ้าหอยยักษ์ยังไม่เคยเห็นตี้ฝูอีตกอยู่ในสภาพจนตรอกถึงเพียงนี้มาก่อนเลย ในที่สุดมันก็ตระหนกแล้ว ไม่สนใจคำสั่งที่ได้ยินจากเจ้านายว่าให้ไปเลาะเอ็นมังกรแล้ว หุบฝาแล้วแล่นกลับไปทันที
เจ้านาย ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอาการหนักแล้ว!
ท่านมาดูอาการให้เขาก่อน!
ครั้งนี้ตี้ฝูอีไม่ได้เสแสร้งจริงๆ ต้นถันภังคีเป็นต้นไม้จู้จี้ที่ไม่ยอมบกพร่องในมาตรฐาน ผู้ที่ไม่ตกอยู่ในอันตรายจนใกล้สิ้นชีพจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ ดังนั้นตี้ฝูอีตกอยู่ในอันตรายจนใกล้สิ้นชีพจริงๆ ถึงเข้ามาได้ ถึงแม้เขาจะวางแผนไว้ล่วงหน้า ตระเตรียมโอสถรักษาชีวิตไว้ เมื่อฟื้นขึ้นมาก็กินลงไปแล้ว แต่บาดแผลทั้งหมดบนร่างกลับไม่ทุเลาลงเลยสักนิด อ่อนแอจนถึงขีดสุดอย่างแท้จริง
ดูเหมือนเขาจะควบคุมคนอื่นได้สบายๆ ทว่าเขาต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีอยู่ไป ถึงทำให้คนทั้งหลายตกตะลึง แต่เขาก็เป็นม้าตีนปลายแล้วจริงๆ เขาใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดฝืนค้ำยันไว้เท่านั้น ในยามนั้นอย่าว่าแต่ยอดฝีมือ เลยต่อให้เป็นคนธรรมดาที่แข็งแรงคนหนึ่งก็สามารถล้มเขาได้แล้ว!
เทพเป็นอมตะ แต่นั่นก็เป็นเพียงความแข็งแกร่งทางวิญญาณเท่านั้น ดวงวิญญาณไม่สูญสลาย เมื่อได้รับบาดเจ็บร้ายแรงจริงๆ กายเนื้อของเขายัง คงสูญสลายได้ เพียงแต่เขามีความสามารถในการประกอบกายเนื้อแล้ว ฟื้นคืนชีพขึ้นใหม่ได้ เมื่อกายเนื้อสิ้นชีพ ดวงวิญญาณต้องใช้เวลายี่สิบปีถึงจะประกอบร่างขึ้นใหม่ได้ และต้องฝึกฝนนับร้อยปีถึงจะฟื้นฟูพลังอย่างสมบูรณ์ และชีวิตนี้เขาก็ยังไม่เคย ‘ตาย’ มาก่อน ร่างนี้ยังคงเป็นร่างที่ก่อตัวขึ้นตั้งแต่กว่าสองพันปีก่อน!
หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงไม่สนใจจริงๆ ว่ากายเนื้อของตนจะสิ้นชีพหรือไม่ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่…