Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1320

บทที่ 1320 ร่วมเรียงเคียงหมอน 1

กู้ซีจิ่วค่อยๆ หันกลับไป เห็นว่าตี้ฝูอีลืมตาขึ้นเล็กน้อยแล้ว มือข้างหนึ่งดึงมุมชุดของตนไว้ มือของเขาไม่มีเรี่ยวแรงสักเท่าใด เมื่อเธอหมุนตัว มุมชุดนั้นก็หลุดออกจากฝ่ามือเขา…

แต่ดวงตาของเขากลับเปิดขึ้นอย่างแท้จริงแล้ว มีสติแจ่มชัด กำลังมองเธออยู่

เขาฟื้นแล้ว!

เขาฟื้นแล้วจริงๆ!

ทั้งสองคนสบตากัน หัวใจกู้ซีจิ่วคล้ายถูกจู่โจม ความสิ้นหวังที่คืบคลานอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจถูกโจมตีจนล่าถอยไปในชั่วพริบตา ราวกับแสงตะวันสาดส่องมาถึงโลกที่ถูกเมฆทึบบดบังเสมอมาแล้ว ความปิติยินดีมหาศาลเอ่อล้นขึ้นมาในทรวง หัวใจเสมือนลูกโป่งที่พองตัวขึ้นมาในทันใด มีไอบางอย่างพุ่งตรงมายังปลายจมูก ทำให้จมูกของเธอแสบเคือง กระบอกตาแดงก่ำ เธอเม้มริมฝีปากกะพริบตา กะพริบไล่ความแสบเคืองนั้น พลางจับมือเขาไว้ “ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว!”

มือของเขายังคงเย็นเฉียบอยู่ ทว่ามือของเธอกลับเย็นกว่าเขาเสียอีก เย็นเหมือนไอศครีมแท่งน้อย

เมื่อตี้ฝูอีจับมือกับเธอก็ขมวดคิ้วน้อยๆ “เหตุใด…มือจึงเย็นถึงเพียงนี้?”

พลันพลิกข้อมือ คิดจะตรวจชีพจรเธอดู แต่ตอนนี้มือของเขายังไม่มีแรงเท่าไหร่ การพลิกข้อมือครั้งนี้จึงพลิกไม่ขึ้น กลับถูกเธอกุมไว้แน่นยิ่งขึ้น เธอกำลังตรวจอาการให้เขา

เขาฟื้นขึ้นมาหนนี้ ชีพจรปกติขึ้นไม่น้อยแล้ว มีพลังมากกว่าเมื่อก่อนมากนัก เธอถอนหายใจเบาๆ “ชีพจรท่านดีขึ้นมากเลย”

จากนั้นก็มองหน้าเขา “สีหน้าก็ดีขึ้นมากเช่นกัน…”

กล่าวถึงตรงนํ้าเสียงของเธอก็ค่อนข้างสั่นเครือ ชะงักไป ไม่มีใครรู้ว่าหลายวันมานี้เธอหวาดกลัวมากแค่ไหน!

กลัวว่าเขาจะหลับไปไม่ฟื้นขึ้นมา กลัวว่าเขาจะจากไปเช่นนี้ เธอจับชีพจรให้เขาเสร็จแล้ว ทว่ายังคงจับมือเขาไว้ตามสัญชาตญาณไม่ยอมปล่อยเลย หวั่นว่าพอปล่อยมือแล้ว เขาจะหลับใหลไปอีก

ถึงแม้นางจะไม่ได้กล่าวถ้อยคำหวานซึ้งเลยสักประโยค แต่เบ้าตาที่แดงเล็กน้อยของนาง นิ้วมือที่เย็นเฉียบ เส้นผมยุ่งเหยิง ขอบตาที่มีรอยคลํ้าจางๆ ถึงขั้นที่น่าสงสัยว่าบนหน้ายังมีคราบนํ้าตาอยู่ ตลอดจนภาษากายที่ไร้สุ้มเสียงล้วนบอกได้ชัดว่าที่แท้นางใส่ใจเขามากนัก บ่งบอกชัดเจนว่าหลายวันมานี้นางเหนื่อยยากมากแค่ไหน…

มือของตี้ฝูอีบีบแน่นเล็กน้อย อยากรั้งนางเข้าสู่อ้อมกอด แต่ไม่มีแรงสักเท่าไหร่ การดึงครั้งนี้ก็ดึงให้นางขยับไม่ได้เลย บาดแผลที่ถูกกระเทือนกลับปวดแปลบขึ้นมา

กู้ซีจิ่วจับตามองเขาอยู่ตลอด พอเห็นว่าจู่ๆ เหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากเขา ก็ตกใจทันที รีบยื่นมือไปเช็ดเหงื่อให้เขา “ทำไมจู่ๆ ก็เหงื่อออกล่ะ? ยังมีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายอยู่? ปวดแผลหรือเปล่า? ผิดปกติตรงไหน?”

เธอพ่นคำถามออกมาเป็นพรวนปานปืนกล

“ขยับมาข้างหน้า” ตี้ฝูอีเอ่ย

กู้ซีจิ่วจึงเข้าใกล้เขาอีกหน่อย

“ใกล้อีกนิด”

กู้ซีจิ่วเงียบงัน ถ้าใกล้อีกนิดเธอจะปีนขึ้นเตียงเขาโดยตรงได้แล้วนะ!

“ท่านจะพูดอะไร? สรุปแล้วไม่สบายตรงไหนกันแน่?” กู้ซีจิ่วกังวลในเรื่องที่เธอใส่ใจที่สุด เพียงแต่ยังคงขยับเข้าใกล้เขาอีก นอนพาดอยู่ข้างกายเขาแล้วครึ่งตัว

ตี้ฝูอีตบๆ ข้างกาย “ขึ้นมาสิ”

เตียงหลังนั้นถึงแม้ไม่ใหญ่ แต่ยังคงเหลือเฟือสำหรับการนอนด้วยกันสองคน

กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง ร่วมเรียงเคียงหมอนกับเขารึ?

เรื่องระหว่างเธอกับเขายังไม่ได้พูดให้กระจ่างเลย…

ให้เธอปีนขึ้นเตียงเขาตอนนี้ออกจะเกินไปหน่อย ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่ขยับเขยื้อน

ตี้ฝูอีถอนหายใจเบาๆ “ข้าเป็นเช่นนี้เจ้ายังกลัวว่าข้าจะทำอะไรเจ้าอยู่อีกหรือ? กลัวข้าถึงเพียงนี้เชียว?”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “มีอะไรน่ากลัวกัน? ใช่แล้ว สรุปแล้วท่านเป็นยังไงบ้าง?”

เธอมองสีหน้าเขา คล้ายว่าจะดีขึ้นกว่าตอนที่หมดสติอยู่ ถึงแม้ยังซีดเซียวอยู่ แต่ดีร้ายอย่างไรริมฝีปากก็มีสีเลือดเล็กน้อยแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่เป็นไรแล้ว ถึงอย่างไรเธอไม่ได้พักผ่อนมาสี่วันแล้ว ยามนี้พอโล่งอกได้ ก็ฝืนต่อไปไม่ไหวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่อยากแยกจากเขาเพื่อกลับไปพักที่เรือนของตน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!