ตอนที่ 162
เธอมองเห็นอะไร
กู้ซีจิ่วตกตะลึง
ที่แท้ทูตสวรรค์ผู้นี้เหี้ยมโหดถึงเพียงนี้!
เขาทำเช่นนี้มิสู้สังหารคนให้ตายไปเลยดีกว่า!
‘ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ไม่เคยมีช่วงที่ตรวจสอบผิดพลาดบ้างหรือ? หากเขาขัดหูขัดตาผู้อื่น แล้วจงใจกล่าวเช่นนี้เล่า?’
‘เป็นไปไม่ได้ ไม่มี! เขาไม่เคยตรวจสอบผิดพลาด เขาเป็นไม้เบื่อไม้เมากับทูตสวรรค์ฝ่ายขวามาโดยตลอด แต่ตอนที่ตรวจสอบทูตสวรรค์ฝ่ายขวาก็ยังยืนยันว่าเขาเป็นของจริง’
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าเส้นเลือดที่ขมับกำลังปูดโปนยิ่งนัก ไม่คิดเลยว่ากลยุทธ์สวรรค์ประทานความสามารถให้ ที่ใช้ร้อยครั้งสำเร็จร้อยครั้ง จะใช้กับที่นี่ไม่ได้ ดูเหมือนเป็นเพราะคำพูดของเธอถึงก่อให้เกิดความยุ่งยากมหาศาล
‘เจ้านาย ไม่งั้นท่านกลับคำพูดเลยดีไหม? บอกไปว่าในฝันมีคนชี้แนะให้ท่าน แต่ไม่ใช่ความสามารถที่สวรรค์ประทานให้…’ หยกนภาออกความคิดเห็นไม่เข้าท่าให้เธอ
‘ตอนนี้กลับคำไม่ทันแล้ว’ กู้ซีจิ่วตอบ ปลายนิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ เริ่มครุ่นคิดแผนการโต้ตอบขั้นต่อไป
‘ข้ากลัว…’ หยกนภาไม่สบายใจ
‘ข้ายังไม่กลัวเลยแล้วเจ้าจะกลัวอะไร?’ กู้ซีจิ่วจิบชาอึกหนึ่ง ‘อย่างมากก็ตายอีกครั้ง ไม่แน่อาจจะได้ทะลุมิติไปยุคปกติก็ได้’
หยกนภานิ่งเงียบ มันใจไม่แข็งพอที่จะบอกเธอว่าเธอมีโอกาสแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว หากตายที่นี่วิญญาณของเธอจะสลายหายไปจากฟ้าดิน กลับชาติมาเกิดใหม่ไม่ได้อีกต่อไป…
กู้ซีจิ่วหยิบชาขึ้นมาจิบอึกหนึ่ง จู่ๆ ด้านนอกพลันมีเสียงกล่าวรายงาน “เจ้าสานักถามสวรรค์มาเยือน!”
“พลุบ!” จอกสุราในมือจักรพรรติซวนหล่นลงบนโต๊ะ “อะไรนะ?”
มือของกู้ซีจิ่วที่กุมแก้วชาอยู่พลันกำแน่นขึ้นมาทันที!
เจ้าสำนักถามสวรรค์?
หลงซือเย่?
เขามาทำไม?
จักรพรรดิซวนเพิ่งจะลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “รีบเชิญ”
ประตูทางเข้า ตรงนั้นพลันมืดสลัวลงเล็กน้อย คนผู้หนึ่งได้เยื้องย่างเข้ามาพร้อมอาภรณ์ที่พริ้วไสว
ฝูงชนรับรู้ได้เพียงความเจิดจ้าที่อยู่เบื้องหน้า!
ราวกับเป็นเพราะบุคคลที่มาถึงนี้ตำหนักเรืองรองที่เดิมทีรื่นเริง ครึกครื้นถึงแปรเปลี่ยนเป็นหุบเขาสูงสายธารไหล สง่างามไร้มลทิน ขึ้นมาทันที
คนผู้นั้นสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงิน มีหยกประดับรูปใบเฟิงสีเพลิงชิ้นหนึ่งห้อยอยู่ตรงเอว ทอประกายวิบวับตามการก้าวเดินของเขา ดุจต้นเฟิงแดงแผ่กิ่งก้านอยู่กลางภาพทิวทัศน์ที่วาดจากน้ำหมึก โดดเด่นสะกดสายตาคน
คนผู้นี้มิได้มีรูปโฉมลํ้าเลิศปานนั้น แต่กลับสง่างามเป็นอย่างยิ่ง
ความหล่อเหลาสง่างามที่กำเนิดมาจากภายในเช่นนั้นทำให้คนมองแล้วผ่อนคลายนัก
นี่ก็คือหลงซือเย่ เจ้าสำนักถามสวรรค์ บุคคลที่มีทักษะการแพทย์ลํ้าเลิศที่สุดในทวีปนี้
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ได้เห็นรูปร่างหน้าตาของเขาชัดๆ แล้ว นิ้วมือที่อยู่ภายในแขนเสื้อกำแน่นเล็กน้อย
คนผู้นี้ รูปโฉมหล่อเหลากว่าหลงซีมากนัก!
แต่ก็มีเค้าของหลงซีอยู่สามส่วน! โดยเฉพาะท่วงท่าสง่างามดั่งชา ส่วนนั้นยิ่งเหมือน!
ฐานะของเจ้าสำนักถามสวรรค์ผู้นี้สูงส่งนัก เห็นได้ชัดว่าเขากับจักรพรรติซวนเสมอภาคกัน ไม่มีใครต้องทำความเคารพใคร แต่ถ้ายึดตามฐานะในทวีปซิงเยวี่ยแล้ว เจ้าสำนักถามสวรรค์ผู้นี้สูงส่งกว่าจักรพรรติซวนมาก
เมื่อผู้สูงส่งเช่นนี้มาถึง คนในตำหนักทั้งหมดย่อมต้องลุกขึ้นยืน นอกจากจักรพรรติซวนแล้ว ที่เหลือต่างพากันค้อมกายคำนับเขา
กู้ซีจิ่วตัวเล็ก อีกทั้งยืนอยู่ด้านหลังผู้คน ต่อให้เธอไม่คำนับก็ไม่เห็นเด่นชัดนัก
เจ้าสำนักผู้นี้ฐานะสูงส่ง ในเมื่อเขามาแล้ว ย่อมต้องจัดที่นั่งให้เสมอศักดิ์กับจักรพรรดิซวน
จักรพรรติซวนสั่งให้คนรีบจัดโต๊ะตรงด้านข้างอีกด้านของตน เชื้อเชิญให้เจ้าสำนักถามสวรรค์ผู้นี้นั่ง หลงซือเย่กลับโบกมือเล็กน้อย นํ้าเสียงเรียบ “ไม่ต้องยุ่งยากหรอก”
กวาดสายตามอง แล้วหยุดอยู่ตรงตำแหน่งที่กู้ซีจิ่วนั่ง จึงหันกายเดินไปหาเธอตรงนั้น “ข้านั่งตรงนี้ก็ได้”
ดวงตาสีดำดุจน้ำหมึกทอดมองใบหน้ากู้ซีจิ่ว “แม่นางท่านนี้เขยิบไปด้านในหน่อยได้หรือไม่?” เสียงของเขาใสกระจ่างดุจลมฤดูใบไม้ผลิแปรสายฝน ราวกับแฝงกลิ่นกรุ่นอันเลือนรางของเขาเขียวธารใสไว้จางๆ
……………………..
[1] วาดกระบวยตามน้ำเต้า หมายถึง ลอกเลียนแบบ