Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 168

ตอนที่ 168

อย่างน้อยก็เป็นฝาแฝดกัน!

กู้ซีจิ่วอยากจะด่ามารดาเขาจริงๆ เธอไหนเลยจะไม่อยากไป แต่มันไปไม่ได้…

วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาของเธอใช้การไม่ได้แล้ว! จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นคืนมา…

เรือลำนั้นดูเหมือนจะแล่นช้า แต่ความจริงแล้วไวมาก ตอนกู้ซีจิ่วเพิ่งจะเห็น มันยังอยู่ห่างออกไปสองลี้ แค่ชั่วพริบตาที่หันหลังให้ เรือลำนั้นก็ลอยมาหยุดอยู่เหนือลานกว้างของตำหนักนี้แล้ว

มีแพรแดงโยนลงมาจากบนเรือ ลอยละลิ่วเข้ามายู่ที่ประตูตำหนัก พอดิบพอดี…

บุรุษชุดม่วงผู้นั้นค่อยๆ ออกมาจากเรือ เดินไปบนแพรแดงที่โบกสะบัดอย่างช้าๆ เยื้องย่างไปตามแพรแดง…

แพรแดงเบาหวิวอย่างหาที่เปรียบมิได้ นกตัวเดียวก็ไม่อาจยืนอยู่บนนั้น!

แต่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้กลับใช้เดินได้!

ประหนึ่งเดินเล่นอยู่ในสวนก็มิปาน!

ราวกับสิ่งที่เขาเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้ามิใช้แพรแดงโบกสะบัด แต่เป็นถนนสายเล็กๆ ที่เติมไปด้วยใบเฟิง เอ้อระเหยลอยชายเหมือนเดินชมธรรมชาติแถบชานเมือง

ท่าร่างเช่นนี้ใกล้เคียงกับเทพเซียนที่เดินเหินบนฟ้าได้แล้ว ฝูงชนที่อยู่ในเหตุการณ์ สำรวจตนเองแล้วว่าไม่อาจบรรลุได้ ดังนั้นสายตาที่มองเขาจึงเหมือนกับมองเทพองค์หนึ่ง ยอมกราบไหว้ด้วยความเต็มใจ

หลงซือเย่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน เพืยงแต่นิ้วมือซึ่งจับมือน้อยๆ ของกู้ซีจิ่วไว้เย็นขึ้นมาเล็กน้อย และจับแน่นยิ่งขึ้น

ใกล้แล้ว ใกล้กว่าเดิมแล้ว

ในที่สุดคนผู้นั้นก็ร่อนลงบนพื้น พลิ้วลงจากปลายผ้าแพรแดง ชุดสีม่วงพลิ้วไหวทิ้งตัวลงรอบกายเขา ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ได้เห็นใบหน้าเขาชัดๆ แล้ว ในชั่วพริบตานี้ เหมือนเธอโดนทุบเข้าอย่างจัง!

องค์หญิงคนงาม!

ใบหน้าคนผู้นี้ละม้ายคล้ายองค์หญิงคนงามที่เธอเคยพบในบ่อนํ้าร้อนวันนั้นถึงแปดเก้าส่วน!

ต่างกันที่องค์หญิงคนงามนั้นใสบริสุทธิ์ดุจวารี ว่านอนสอนง่ายดั่งลูกแมวน้อยภายใต้ความน่าเกรงขามของกู้ซีจิ่วในยามนั้น คิ้วตาก็ดูอ่อนโยนกว่าทูตสวรรค์ที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้เล็กน้อย

แต่ยามนี้ถึงแม้ท่านทูตสวรรค์ผ์นี้จะทรงเสน่ห์ดั่งภูตพราย สะคราญโฉมดุจบุปผา ท่วงท่าอากัปกิริยากลับเหมือนแสงอรุโณทัย จะก้มหรือเงยก็ล้วนงามสง่า นี่จะใช้องค์หญิงคนงามหรือไม่?!

มะ…ไม่น่าใช่กระมัง?

หรือจะเป็นพี่ชายขององค์หญิงคนงามผู้นั้น? ฝาแฝดหรือเปล่า?

เพียงครู่เดียว ในใจของกู้ซีจิ่วก็คาดเดาไปมากมายแล้ว ราวกับสัมผัสถึงสายตากู้ซีจิ่วได้ จู่ๆ คนผู้นั้นก็เงยหน้ามองมาทางเธอ

กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าแผ่นหลังเย็นวาบขึ้นมา รู้สึกว่าสายตาของคนผู้นี้ราวกับมีพลังบางอย่างทะลุผ่านหลงซือเย่ที่บังอยู่ด้านหน้า พุ่งตรงมาที่ร่างเธอ

คนผู้นั้นยกยิ้มมุมปาก แต่ดวงตากลับดูเฉยชา หำให้หัวใจของกู้ซีจิ่วอึดอัดขึ้นมาแวบหนึ่งอย่างน่าประหลาด!

เพึยงแต่เธอคนนี้ไม่เคยหวาดกลัวการถูกคนมอง ดังนั้นเลยจ้องกลับไปด้วยความเยือกเย็นยิ่ง

ทั้งสองคนสบตากัน กู้ซีจิ่วเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาพิสุทธิ์ดุจวารีใสกระจ่างแวววาว

คนผู้นั้นค้อมกายลงน้อยๆ นัยน์ตาเขาน่าลุ่มหลงดั่งสุรา มืดดำลํ้าลึก

สายตาของเธอเลื่อนไปที่หน้าผากของคนผู้นั้นอย่างฉันพลัน ตรงนั้นมีแถบแพรคาดหน้าผากประดับอัญมณีอยู่เส้นหนึ่ง อัญมณีเม็ดนั้นแดงฉานเสมือนเปลวเพลิง รูปทรงคล้ายนัยน์ตาจิ้งจอก ทอ ประกายอยู่ภายใต้แสงตะวัน

หัวใจของกู้ซีจิ่วพลันเต้นกระหน่ำทันที!

เธอก็เคยเห็นแถบแพรเช่นนี้บนหน้าผากขององค์หญิงคนงามผู้นั้น!

เหมือนกันทุกประการ กระทั้งขนาดและสีสันยังเหมือนกันหมด!

เมื่อเธอมองเรือนผมยาวสยายดุจฝืนผ้าม่านของคนผู้นั้นต่อ ก็รู้สึกว่าเส้นเลือดตรงขมับปูดโปนยิ่งกว่าเดิม

ความยาวของเส้นผมก็เหมือนกันพอดี! น่าจะมีข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือรูปร่าง

องค์หญิงคนงามผู้นั้นสูงประมาณ 178 เซนติเมตร แต่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้สูงถึงราว 185 เซนติเมตร!

เวรเอ๊ย สรุปแล้วคนผู้นี้ใช้องค์หญิงคนงามหรือไม่?

ต่อให้ไม่ใช่ ก็น่าจะมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดยิ่งกับนางกระมัง? อย่างน้อยสุดก็เป็นฝาแฝดกัน!

สายตาของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ดุจธารน้ำไหล กวาดผ่านใบหน้ากู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง ไม่ได้หยุดอยู่นานนัก

สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ร่างหลงซือเย่ “ที่แท้เจ้าสำนักหลงก็อยู่ที่นี่ด้วย”

หลงซือเย่ประสานมือคำนับเขาเล็กน้อย “เจ้าวังตี้สบายดีหรีอไม่? ผ่านไปหลายปี เจ้าวังตี้ก็ยังคงสง่างามอยู่เหมือนเดิม”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!