Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 175

บทที่ 175

ทูตสวรรค์ผู้นี้ไม่มีอารยะหรือ?

เมื่อร่างของกู้ซีจิ่วที่อยู่กลางอากาศเสียหลักยึด ก็ทำท่าจะร่วงหล่นลงไปด้านล่าง แต่ดูเหมือนเธอจะเตรียมตัวไว้นานแล้ว พลิกกายเหินหะยาน ยื่นมือออกไปคว้า ‘แสงสีขาว’ ที่ลอยอยู่กลางอากาศไว้

อันที่จริงแสงสีขาวนั้นคล้ายคลึงกับแพรบางโปร่งแสงผืนหนึ่ เมื่อกู้ซีจิ่วจับไว้ แพรบางผืนนั้นก็แกว่งไกวราวกับชิงช้า ลอยละล่องไปที่เรือลำนั้นทันที…

เหตุการณ์ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นรวดเร็วยิ่งนัก นับตั้งแต่กู้ซีจิ่วถูกดึงขึ้นมาเหมือนปลาที่ถูกตกได้ จนถึงตอนเธอคว้าจับแพรขาวที่ลอยขึ้นไปบนเรือลำนั้น ก็ใช้เวลาแค่ไม่กีวินาที กว่าฝูงชนด้านล่างจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง เธอก็ร่อนลงบนเรืออย่างมั่นคงแล้ว ท่าร่างยอดเยี่ยม!

ฝูงชนอดตะโกนโห่ร้องอยู่ในใจไม่ได้! ที่จริงแล้วกู้ซีจิ่วสามารถใช้วิชาตัวเบาเล็กน้อยเหล่านี้ได้สบายมาก แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไวแบบนี้เหมือนเธอ!

หากเด็กคนนี้ไม่ใช่สวะไร้พลังวิญญาณ เกรงว่าระดับพลังยุทธ์คงไม่แพ้ผู้ใดในที่แห่งนี้!

ยอดฝีมือที่เข้าใจเรื่องราวเป็นอย่างดีเสียดายอยู่ในใจ

ในใจของจักรพรรดิซวนรู้สึกสำนึกเสียใจขึ้นมาโดยพลัน บางทีเขาไม่ควรสงสัยซักไซ้ถามถึงอาจารย์ของนาง ไม่เช่นนั้นคงไม่เกิดเรื่อง ‘สวรรค์ประทานความสามารถให้’ อันวุ่นวายขึ้น

หากนางได้รับความสามารถที่สวรรค์ประทานให้จริงๆ ก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ใช่ ตนจะทนมองนางถูกทำลายวรยุทธ์ทั้งร่างทิ้งแล้วโยนเข้าไปในป่าทมิฬได้หรือ?

ใต้ฝ่าเท้าคือพรมสีขาวที่อ่อนนุ่มกว่าปุยเมฆ กู้ซีจิ่วยืนอยู่บนเรือ พลางมองทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่เอนกายอยู่ตรงนั้น “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคิดว่านี้คือการตกปลาหรือ?!”

ตี้ฝูอีเก็บแพรขาวเส้นนั้นกลับมาไว้ในมือ เขาเก็บสิ่งนี้ได้พิเศษนัก แพรขาวนั้นพับทบกันอยู่ในมือเขาจนมีขนาดเท่าก้อนเต้าหู้ ทั้งยังมีขนาดเสมอกันด้วย แล้วกลับเข้าไปในแขนเสื้อเขาในชั่วพริบตา

เขายิ้มเอื่อยเฉื่อย “ข้ามีนิสัยหยินหยางแปรปรวนนี่นา”

มันควรจะเป็นสภาพอารมณ์เแปรปรวนมิใช่หรือ?

แม้แต่สำนวนก็ยังใช้ผิด ทูตสวรรค์ผู้นี้ไม่มีอารยะหรือไร?

เอ๊ะ ไม่ถูกสิ! หยินหยาง…

ก่อนหน้านี้เธอกับหยกนภาสงสัยกันว่าเขาเหมือนจะเป็นร่างหยินหยาง!

หรือว่าเขาสามารถได้ยินบทสนทนาของเธอกับหยกนภาได้?!

กู้ซีจิ่วแปลกใจระคนสงสัยอยู่ในใจ พินิจดูท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นั้นอย่างละเอียด

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้เหยียดขาพิงอยู่ตรงนั่น หยิบพู่กันวาดภาพขึ้นมา ตวัดวาดลงไปบนกระดานวาดภาพที่อยู่เบื้องหน้าหลายครั้ง

เมื่อมองจากมุมของกู้ซีจิ่ว จะเห็นเพียงใบหน้าหล่อเหลาของเขา ภายใต้เรือนผมดำขลับยาวสยาย คิ้วสีครามเข้ม พาดเฉียงจรดจอนผม ดวงตาของเขาจับจ้องกระดานวาดภาพที่อยู่เบื้องหน้า ดูจดจ่อยิ่ง ประโยคเมื่อกี้ก็ดูเหมือนเขาจะพูดไปเรื่อย

“นั่งลงสิ” เขากล่าวอีกสองคำ สายตาไม่ละจากกระดานวาดภาพ มืออีกข้างชี้ไปที่เบาะกลมอันหนึ่ง

กู้ซีจิ่วย่อมไม่เกรงใจเขา กล่าวขอบคุณแล้วนั่งลงบนเบาะกลมนั้นทันที

จุดนี้อยู่ห่างจากตี้ฝูอีสามฉื่อ เป็นระยะห่างพอประมาณ ทำให้รู้สึกปลอดภัย ถ้ามองจากมุมที่กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ จะมองเห็นภาพบนกระดานวาดภาพเบื้องหน้าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายพอดี

หลังจากกู้ซีจิ่วได้เห็นภาพนั้นชัดๆ ก็เหมือนถูกคนใช้ค้อนอันใหญ่ทุบหัวใจอย่างจัง หัวใจเต้นผิดไปสองจังหวะ!

บนภาพนั้นเป็นภาพบุรุษชุดขาวผู้หล่อเหลาอย่างหาที่เปรียบมิได้ผู้หนึ่ง นั่งขัดสมาธิอยู่ในศาลาหลังเล็ก ฐานนั่งใต้ร่างดั่งฐานปทุม พริ้มตาน้อยๆ ไม่ทราบว่าหลับหรือนั่งสมาธิอยู่

สิ่งที่ทำให้หัวใจกู้ซีจิ่วเต้นเร็วขึ้นมิใช่ความงดงามของบุรุษในภาพวาดนี้ แต่สำหรับเธอแล้วภาพเหมือนนี้คุ้นตายิ่งนัก!

รูปสลักหยก!

ตอนเธอเพิ่งจะทะลุมิติมา ได้พบเห็นรูปสลักหยกในถ้ำบนภูเขา! รูปสลักหยกที่ถูกเธอถอดเสื้อผ้า!

กิริยาท่าทางรวมถึงท่านั่งสมาธิของบุรุษในภาพ กระทั่งศาลาที่เป็นฉากหลัง ล้วนเหมือนกับรูปสลักหยกที่เธอพบเห็นทุกกระเบียดนิ้ว!

แม้แต่ลวดลายเสื้อคลุมขาวที่บุรุษในภาพสวมก็เป็นแบบเดียวกับที่กู้ซีจิ่วถอดออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!