บทที่ 177
แม่นางน้อยช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง!
เขาหยั่งเชิงเธออยู่ใช่ไหม?!
กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง สังเกตภาพเหมือนนั้นอีกครา จากนั้นก็มองทูตสวรรค์สวรรค์ฝ่ายซ้าย ใบหน้าจิ้มลิ้มเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาพอประมาณ “คนผู้นี้คล้ายท่านทูตสวรรค์ยิ่ง! นี่เป็นภาพเหมือนของท่านหรือเจ้าคะ?”
ตี้ฝูอีเลิกคิ้ว มองนางด้วยท่าทียิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “เจ้าคิดว่าเขาเป็นภาพเหมือนตัวข้า? พวกเราเหมือนกันมากหรือ?”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจพลางกล่าว “ว่ากันตามจริงแล้ว บุคลิกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โอ๊ะ หรือเขาจะเป็นพี่น้องฝาแฝดของท่านทูตสวรรค์?”
ตี้ฝูอีแย้มยิ้ม ไม่ได้ตอบคำถามเธอตรงๆ “ท้ายที่สุดแล้วเคยเห็นเขาหรือไม่?”
ดวงตากู้ซีจิ่วเป็นประกายแวบหนึ่ง ยอมรับอย่างตรงไปตรงมายิ่ง “เคยเห็นเจ้าค่ะ!”
“เคยเห็นที่ใด?”
กู้ซีจิ่วกอดอกโดยพลัน “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสวรรค์ประทานความสามารถให้หรือเจ้าคะ?”
“เจ้าแค่ตอบคำถามของข้าก็พอ”
กู้ซีจิ่วคลี่ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์ยิ่งนัก “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมีอำนาจตรวจสอบว่าข้าใช่ผู้ที่ได้รับความสามารถจากสวรรค์หรือไม่ หากไม่พูดให้กระจ่าง โปรดอภัยให้ด้วยที่ข้าไม่สามารถบอกได้”
แม่นางน้อยช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง!
ปลายนิ้วตี้ฝูอีเคาะกระดานวาดภาพเบาๆ นัยน์ตาคล้ายมีประกายแสงวูบไหว “เกี่ยวข้องกับความสามารถที่สวรรค์ประทานให้จริง”
“เคยเห็นในความฝันเจ้าค่ะ”
ตี้ฝูอีมองเธอแวบหนึ่ง ท่าทียิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ในฝัน? เป็นในฝันเขา หรือในฝันเจ้ากันล่ะ?”
กู้ซีจิ่วสงบนิ่งอย่างยิ่ง “ย่อมเป็นในฝันข้าสิเจ้าคะ”
“อ้อ ที่แท้เป็นเจ้าฝันไป” วาจาของตี้ฝูอีมีนัยแอบแฝงเล็กน้อย เขาเหยียดขายาว พิงกราบเรือ หาท่าที่สบายที่สุด “เช่นนั้นในฝัน เจ้าทำอันใดกับเขา?”
นํ้าเสียงนี้ เหตุใดจึงเหมือนทวงความเป็นธรรมให้รูปสลักหยกอยู่นิดๆ?
ดูเหมือนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้จะเป็นเจ้าของรูปสลักหยกนั้น!
เขาพบว่าเธอเป็นผู้ถอดเสื้อผ้ารูปสลักหยกออก ดังนั้นจึงตามหาตัวเพื่อคิดบัญชี?
หรือว่าคนลึกลับที่ชักใยบงการอยู่ลับหลังเธอคือเขา?
ยามนี้จึงวาดภาพนี้เพื่อหยั่งเชิงเธอ?
แค่ถอดเสื้อผ้าเท่านั้นเอง คงไม่นับว่าเป็นความผิดร้ายแรงกระมัง? คุ้มค่าพอให้เขาล้างแค้นหรือ?
เว้นเสียแต่เสื้อผ้าที่รูปสลักสวมจะมีอะไรพิสดาร หรือพอถอดเสื้อผ้ารูปสลักหยกออกค่ายกลจะไม่ทำงาน?
แต่เธอก็ไม่พบลวดลายอักขระใดบนเสื้อผ้าชุดนั้นเลย นอกจากเนื้อผ้าเป็นวัสดุพิเศษหน่อย สวมใส่สบาย ไม่มีอะไรเหมือนเสื้อคลุมอาคมเลย…
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ตรงนั้น ในสมองคาดคะเนข้อสงสัยอยู่ไม่หยุด
“ทำไมไม่พูดล่ะ? ร้อนตัวหรือ?” ตี้ฝูอีเคาะกระดานวาดภาพ
“แหะๆ ข้าจะทำอันใดมันได้เจ้าคะ? แค่ฝันไปนี่นา เดิมทีก็ไม่ได้เตรียมพร้อมไว้ ความทรงจำของข้าจึงค่อนข้างเลือนราง…” กู้ซีจิ่วตอบอย่างคลุมเครือ
“เรื่องความสามารถที่สวรรค์ประทานให้จะสะเพร่าไม่ได้แม้แต่น้อย” น้ำเสียงตี้ฝูอีเย็นเยียบ
กู้ซีจิ่วถอนหายใจ “เช่นนั้นขอข้าคิดดูอย่างละเอียดก่อน”
ตี้ฝูอีเพียงแย้มยิ้ม ไม่ได้พูดต่อ ฝ่ามือปัดผ่านกระดานวาดภาพ ภาพที่อยู่บนกระดานพลันกลายเป็นเถ้าธุลีปลิวหายไป จากนั้นเขาก็เอนกายหลับตาพักผ่อนลงตรงนั้น
กู้ซีจิ่วจนคำพูด
‘เสี่ยวชาง ที่แท้รูปสลักหยกบนภาพนั้นเป็นใครกัน? ใช่พี่น้องของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้หรือไม่? หรือเป็นตัวเขาเอง?’ กู้ซีจิ่วถามหยกนภาผู้รอบรู้อยู่ในใจ
หยกนภาราวกับตายไปแล้วก็มิปาน ไม่มีเสียงตอบรับแม้แต่น้อย
‘เอ้ เจ้าพลังงานหมดอีกแล้วหรือ?’ ปลายนิ้วกู้ซีจิ่วเคาะกำไลที่อยู่บนข้อมือเล็กน้อย
หยกนภาก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเหมือนเดิม
เวรเอ้ย ทำไมเจ้ากำไลต้องหายไปในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ด้วยนะ!
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย การตรวจสอบความสามารถที่สวรรค์ประทานให้มีทั้งหมดกี่ขั้นตอนเจ้าคะ?” กู้ซีจิ่วสอบถามผู้รับหน้าที่หลักตรงๆ
“กลัวหรือ?” ตี้ฝูอีลืมตามอง กวาดสายตามองกำไลหยกเขียวบนข้อมือเธอแวบหนึ่งด้วยท่าทีคล้ายเจตนาและไม่เจตนา