Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 181

บทที่ 181

นี่ก็หนีหรือ?!

ที่ผ่านมาหากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยังไม่อนุญาต ผู้ใดก็ไม่สามารถขึ้นไปบนเรือเขาได้

ตอนที่เรือจอดนิ่งๆ ถึงขั้นไม่สามารถเข้าใกล้ได้ในระยะห้าจั้ง ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกสังหารโดยไม่ละเว้น!

ต่อให้ผู้มีพลังยุทธ์สูงส่งคิดจะเข้าไปช่วยเหลือนาง ก็ไม่กล้าขึ้นไปบนเรือลำนั้น…

หลงซือเย่ขี่กระเรียนขาวเข้ามาใกล้เรือเล็กน้อย ยื่นมือไปหากู้ซีจิ่ว “กระโดดออกมา!”

กู้ซีจิ่วยืนตรงกราบเรือ มองเขาอยู่หลายครา เธอดูคล้ายจะหวาดกลัวอยู่บ้าง เม้มริมฝีปากบางน้อยๆ ในที่สุดก็เปิดปากเอ่ย “เจ้าสำนักหลง ท่านจะรับข้าไว้ได้ใช่ไหม?”

หลงซือเย่พยักหน้านิดๆ “ได้!”

เขาอยู่ห่างจากเรือลำนั้นห้าจั้ง ความสามารถของกู้ซีจิ่วเพียงพอที่จะกระโดดมาถึง ต่อให้นางพลาดกระโดดข้ามมาไม่ได้ ขอเพียงนางออกจากเรือมา เขาก็มีวิธีดึงตัวนาง…

ฝูงชนด้านล่างล้วนมองกันตาค้าง เมื่อเห็นเจ้าสำนักหลงผู้นี้ลงมือช่วยเหลือเด็กสาวคนหนึ่งด้วยตัวเอง ก็แทบตัวชาด้วยความอิจฉา ริษยาต่างๆ นานา แล้ว…

ฝูงชนวกกลับมามองทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายในชุดม่วงต่อ เขายืนอยู่ตรงนั้น ริมฝีปากบางภายใต้หน้ากากหยักยิ้มแวบหนึ่ง ไม่คิดจะขัดขวางการช่วยเหลือ

บริวารทั้งแปดคนของเขายืนอยู่บนแท่นสูงครบถ้วน ล้อมเป็นทรงพัดอยู่รอบๆ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย แต่ละคนสีหน้าว่างเปล่า ไม่มีปฏิกิริยาอะไร

กู้ซีจิ่วยืนบนกราบเรือ ดูเหมือนจะตัดสินใจได้แล้ว ในที่สุดก็ดีดตัวกระโดดข้ามไปหาหลงซือเย่ที่อยู่ด้านข้างนั้น!

‘ฟิ้ว!’ กระโปรงของเด็กสาวโบกสะบัดดั่งบุปผาผลิบานอยู่กลางอากาศ อาภรณ์พริ้วไสวในที่สุดก็กระโดดไปถึงสัตว์พาหนะของหลงซือเย่ ร่างกายพลันขยับไหวเล็กน้อย หลงซือเย่เอื้อมมือคว้านาง แต่ จู่ๆ นางกลับหายตัวไป…

หลงซือเย่คว้าได้เพียงอากาศ มองดูฝ่ามือที่ว่างเปล่าเงียบๆ

ฝูงชนที่มองสถานการณ์ตึงเครียดอย่างคิกคักพากันตะลึงงัน จักรพรรดิซวนรวมถึงราชบริพารที่เพิ่งตามมาถึงล้วนตัวแข็งทื่อ ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาในชุดดำก็ตกตะลึง ส่วนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายในชุดม่วงนิ่งงัน

คล้ายกับละครฉากใหญ่ที่จัดฉากไว้โหมโรงล่วงหน้า ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ผู้ชมก็เข้าประจำที่นั่งด้วยความกระตือรือร้นสนอกสนใจ ผลคือนักแสดงหนีไปแล้ว ลอยแพผู้ชม!

คนทั้งหมดมองไปที่หลงซือเย่ด้วยแววตาโกรธเคือง คนหายไปบนสัตว์พาหนะของเขา ย่อมต้องสงสัยว่าเขาเป็นผู้ก่อเหตุ!

สีหน้าจักรพรรดิซวนไม่น่ามองยิ่ง ตอนอยู่ในตำหนัก เจ้าสำนักหลงผู้นี้คิดจะพาตัวกู้ซีจิ่วไปตลอดเวลา คิดไม่ถึงว่ายามนี้เขาจะลักพาคนไปต่อหน้าสาธารณชน!

ด้วยมีทูตสวรรค์ซ้ายขวาอยู่ใกล้ๆ เขาเลยเดือดดาลมาก นํ้าเสียงเย็นชาขึ้นแปดระดับ “เจ้าสำนักหลง ซีจิ่วล่ะ?”

หลงซือเย่สวมหมวกคลุมหน้าอยู่ จึงไม่มีใครมองเห็นสีหน้าของเขา เขาก็ไม่กล่าวอะไร เพียงตบลงบนร่างกระเรียนมงกุฎแดงที่ตนนั่งอยู่คราหนึ่ง นกกระเรียนมงกุฎแดงพลันส่งเสียงร้องยาวๆ ออกมา เพียงชั่วพริบตาก็หายตัวไปในหมู่เมฆ

นี่ก็หนีหรือ?!

จักรพรรดิซวนหันไปมองทูตสวรรค์ฝ่ายขวาที่ยังอยู่กลางอากาศทันที คาดหวังให้เขาไล่ตามไป ไม่นึกเลยว่าเทียนจี้เยวี่ยจะนั่งสนิทอยู่ตรงนั้น ผ่านไปสักพักเขาถึงขี่อินทรีเนตรทองบินวนเรือรอบหนึ่ง จากนั้นสะบัดแขนเสื้อบินจากไปเข่นกัน

จักรพรรดิซวนตะลึงงัน เขาได้แต่มองทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่อยู่บนแท่นด้วยสายตาเปี่ยมความหวัง แล้วค่อยทึ่มทื่อไป

บนแท่นไหนเลยจะยังมีเงาร่างของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย?

เหล่าผู้ชมที่ไม่ทราบความจริงต่างงุนงง

คนที่จะถูกตรวจพิสูจน์หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามท่านล้วนจากไปแล้ว เช่นนั้นเรื่องครึกครื้นนี้จะดำเนินต่อไปหรือไม่?

มีป่าเล็กๆ แห่งหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง เป็นป่าลึกหนาทึบ

หลงซือเย่ยืนอยู่บนยอดไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ก้มมองภายในป่า เขามีวรยุทธ์สูงส่ง สายตากว้างไกล สามารถมองเห็นสรรพสิ่งในป่าได้ชัดเจน

ทว่าเขาค้นหาอย่างละเอียดถึงสามรอบ ก็หาไม่เจอว่าคนผู้นั้นอยู่ที่ไหน เขากำมือที่อยู่ในแขนเสื้อแน่น กำจนข้อนิ้วซีดขาว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!