บทที่ 191
เจ้าคิดว่ามันโง่ขนาดนั้นเลยหรือ
กู้ซีจิ่วค่อนขอดอยู่ในใจ แต่สีหน้ายังราบเรียบเหมือนเก่า “ท่านทูตสวรรค์อยากได้ปลาสนมเงินขนาดเท่าใดเล่า?”
เธอถามให้ชัดเจน รวดเดียวไปเลย เลี่ยงไม่ให้เขายกเงื่อนไขอื่นมาอีก
ตี้ฝูอีกมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะแย้มยิ้ม “สามจินขึ้นไป”
ปลาสนมเงินทั่วไปตัวเล็ก ขนาดเกินกว่าสามจินมีน้อยนัก เมื่อครู่ตี้ฝูอีมองเลยไปแวบหนึ่ง ในบรรดาปลาที่วนเวียนอยู่ก่อนหน้านี้มี ปลาสนมเงินเพียงสองตัว ทั้งยังมีขนาดประมาณหนึ่งจินเท่านั้น…
กู้ซีจิ่วเริ่มปรับตะขอและเหยื่อล่อเงียบๆ ทั้งยังเก็บไข่มุกราตรีบนปลายเป็ดลงมา เปลี่ยนเป็นอัญมณีสีฟ้าที่ส่องแสงวิบวับเม็ดหนึ่ง
เธอย้ายตำแหน่ง แล้วหย่อนเบ็ดอีกครั้ง
หนนี้ใช้เวลานานเล็กน้อย แสงสีฟ้าจางๆ เปล่งแสงขนาดเท่าถ้วยชาเหนือน่านน้ำ
ปลางับเบ็ดอยู่หลายครั้ง กู้ซีจิ่วไม่มีทีท่าจะสาวเบ็ดขึ้นมา เพียงเปลี่ยนเหยื่อบ่อยๆ เท่านั้น…
หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อ ดวงตาเธอเปล่งประกายเล็กน้อย สาวเบ็ดขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว ท่วงท่างดงาม ปลาที่เปล่งประกายดุจแสงจันทร์ถูกตกขึ้นมา
ปลาตัวนี้โก่งโค้งดั่งคันธนู ส่ายหัวสะบัดหางอยู่ในมือกู้ซีจิ่ว เธอทุบปลาให้สลบ จากนั้นก็โยนมาให้ตี้ฝูอี
“ท่านเห็นตัวนี้หรือไม่? สามจินพอดิบพอดี!”
ตี้ฝูอีตกตะลึง
เขาไม่ต้องใช้มือชั่งก็รู้ว่าปลาตัวนี้หนักสามจิน!
สาวน้อยผู้นี้เป็นเซียนเบ็ดกลับชาติมาเกิดหรืออย่างไร? ทักษะการตกปลาน่าตะลึงนัก!
กองไฟลุกโชน เปลวไฟสีแดงส่องสะท้อนใบหน้าคนทั้งสอง
กู้ซีจิ่ววุ่นอยู่กับการย่างปลา ฝีมือของเธอไม่เลว ย่างปลาจนสุกได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นส่งให้ตี้ฝูอีซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ “ท่านเจ้าวัง เชิญ”
ตี้ฝูอีรับมาแล้วชิมหนึ่งคำ รสชาติดีจริงๆ จึงไม่ได้ถือมารยาทเหมือนยามที่เขากินปกติ เมื่อเห็นสาวน้อยตั้งใจย่างปลาให้เขามาก เขาก็พึงพอใจยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วเริ่มปรุงปลาสารทเหลืองตัวนั้น นำขึ้นย่างอย่างว่องไว…
ยังไม่ทันสุกดี กลิ่นหอมหวนก็กระจายออกมาแล้ว กลิ่นหอมน่าอร่อยเหนือกว่าปลาสนมเงินนัก!ดีกว่าหลายเท่า!
หากกล่าวว่าปลาสนมเงินเป็นอาหารชั้นดี ปลาสารทเหลืองตัวนั้นก็คืออาหารชั้นเลิศ หลังจากได้กลิ่นปลาสารทเหลืองแล้ว ปลาสนมเงินดูจืดชืดราวกับนํ้าเปล่าไปเลย
ฝ่ายตี้ฝูอีเงยหน้าเหล่มองนางแวบหนึ่ง สายตาเหลือบมองปลาในมือนางอย่างหนัก
ทว่ากู้ซีจิ่วกลับไม่มองเขา เธอหิวมากแล้ว การใช้วิชาเคลื่อนย้ายหลายต่อหลายครั้งสิ้นเปลืองพลังงานอย่างยิ่ง ถึงแม้ปลาสารทเหลืองตัวนี้จะหน้าตาน่าเกลียด แต่กลับให้พลังงานสูง แถมรสชาติ ก็ยอดเยี่ยมด้วย เป็นปลาที่เธอชอบกินที่สุดในโลกนี้…
ปลาสารทเหลืองตัวไม่ใหญ่ หนักแค่หนึ่งจินกว่าๆ ผ่านไปครู่หนึ่ง ปลาทั้งตัวก็ถูกเธอแทะจนเหลือเพียงก้าง จึงค่อยทิ้งก้างปลาไปโดยที่ยังไม่หายอยาก
เกิดเสียงดัง ‘ตุ้บ’ ตรงเท้ากู้ซีจิ่ว เธอก้มมองทันที ปลาตัวหนึ่งกำลังดิ้นรนอย่างไม่ยินยอมอยู่ตรงปลายเท้าเธอ
เป็นปลาสารทเหลือง ขนาดใหญ่กว่าตัวที่กู้ซีจิ่วเพิ่งแทะเสร็จไปเมื่อกี้ตั้งเท่าหนึ่ง!
เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ ก็เห็นว่าตี้ฝูอีนั่งอยู่ตรงข้ามเธอเหมือนเดิม ราวกับไม่เคยขยับไปไหน แต่ด้านหลังเขายังมีระลอกคลื่นตอนที่ปลาขึ้นจากนํ้ากระเพื่อมอยู่…
กู้ซีจิ่วมองปลาตรงปลายเท้า แล้วก็มองทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอีกที “ปลาต้วนี้…กระโดดขึ้นมาเองหรือ?”
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่าทีเรื่อยเอื่อย “เจ้าคิดว่ามันโง่ขนาดนั้นเลยหรือ?”
กู้ซีจิ่วมองคันเบ็ดที่วางอยู่ข้างกายตนตลอด ซึ่งเหมือนไม่เคยขยับมาก่อน แล้วจึงมองเขาอีกที “หรือว่าท่านเจ้าวังจับขึ้นมา?”
ตี้ฝูอีดีดปลายเล็บ “นำปลาต้วนี้ไปย่าง ย่างเสร็จแล้วข้าจะบอกเจ้า”
กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้ม ก้มหน้าลงจัดการปลา
เธอจัดการได้ช่ำชองยิ่งนัก ปลาที่ยังมีชีวิตกระโดดโลดเต้นได้ถูกขอดเกล็ดควักเครื่องในอย่างรวดเร็ว เสียบไว้บนกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง แล้วนำขึ้นย่างไฟ
ตี้ฝูอีมองการเคลื่อนไหวอันช่ำชองของเธอแววตาลุ่มลึกเล็กน้อย นั่งอยู่ตรงนั้นพลางสนทนากับเธอ “เจ้าย่างปลากินบ่อยหรือ?”
ทั้งยังมองขวดเครื่องปรุงต่างๆ ที่เธอวางไว้ด้านข้าง หมากมาศ[1] เกลือ ซีอิ้ว…ครบครันยิ่งนัก!