Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 207

บทที่ 207

ทั้งตัวเกร็งเล็กน้อย!

ทว่าคนเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี จึงพยามควบคุมใบหน้าไม่ให้เผยความประหลาดใจออกมา แหวกทางเป็นสองฝั่งให้ทันที่ดั่งนํ้าลด เผยให้เห็นรกม้าคันใหญ่ที่อยู่กลางถนน…

ตี้ฝูอีเคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่ง กู้ซีจิ่วยังไม่ทันได้มองลักษณะของรถม้าคันใหญ่ให้ชัดเจน ก็ถูกเขาอุ้มเข้าไปในตัวรถแล้ว

จากนั้นเธอก็ถูกโยนลงบนเบาะรองอันอ่อนนุ่ม ทั้งยังกลิ้งหลุนๆ เกือบจะไปอยู่แทบเท้าเขาแล้ว

“ไปเถอะ” ตี้ฝูอีออกคำสั่ง

มีบริวารด้านนอกสอบถาม “นายท่าน ต้องการให้เก็บกวาดหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง เธอเข้าใจความหมายของคำว่าเก็บกวาด ซึ่งก็คือจัดการผู้รู้เห็นทั้งหมดที่ไม่ใช่คนของฝ่ายตนให้สิ้นซาก เลี่ยงไม่ให้ข่าวคราวใดๆ รั่วไหลออกไป

“ไม่ต้อง ลบความทรงจำก็พอ” ตี้ฝูอีกล่าว

สารถีหม่าเบิกตากว้าง มองขบวนรถของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่อยู่เบื้องหน้าทยอยลอยขึ้นสู่ฟ้าทีละคัน รายล้อมรถม้าสีเงินคันใหญ่นั้นไว้ตรงกลาง แล้วออกเดินทางไป

เขายังทึ่มทื่ออยู่เล็กน้อย คุกเข่าอยู่ตรงนั้นโดยที่ลืมลุกขึ้น

เสื้อคลุมยาวสีฟ้าวูบไหวอยู่เบื้องหน้า เขาเงยหน้าขึ้นตามสัญชาตญาณ เด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า เป็นคนหนึ่งในบรรดาบริวารของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย

สารถีหม่าหน้าเปลี่ยนสี หวาดกลัวว่าจะถูกฆ่าปิดปาก จึงรีบก้มลงโขกศีรษะ “ข้าน้อยจะไม่พูดอะไรทั้ง…”

เขาพูดยังไม่ทันจบ ร่างกายก็แข็งทื่อ ปากอ้าออกด้วยตัวเอง ยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งพุ่งเข้าไปในลำคอเขา…

ผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มชุดฟ้าคนนั้นก็ขับรถม้าตามไปสมทบกับขบวนใหญ่

สารถีหม่าคุกเข่าอยู่ตรงนั้นอย่างงงงัน มองทางนั้นที มองทางนี้ที

แปลกนัก เขามาคุกเข่าอยู่ที่นี่ได้ยังไง? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?

“เหล่าหม่า เจ้าคุกเข่าอยู่ตรงนั้นทำไม?” มีรกม้าคันหนึ่งขับมาทางด้านหลัง สารถีที่บังคับรถคือเพื่อนร่วมอาชีพของเหล่าหม่า

สารถีหม่าเกาหัวแล้วลุกยืน รู้สึกเพียงว่าในสมองสับสนเลอะเลือน นึกอะไรไม่ออกเลย…

ผนังของตัวรถงดงามยิ่ง ด้านบนฝั่งไข่มุกราตรีไว้ แสงสว่างในรถอ่อนโยนนุ่มนวล มีแม้กระทั่งสายลมแผ่วๆ

กู้ซีจิ่วเอนกายอยู่บนเบาะรองนุ่มๆ มองทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่นั่งอยู่ด้านหน้าอย่างระแวดระวัง ทั้งตัวเกร็งเล็กน้อย!

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้เท้าแก้มมองเธอ ดวงตาฉายแววสำรวจตรวจตรา เพ่งพินิจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็เปิดหีบใบหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง หยิบข้าวของกองหนึ่งออกมา…

มีด กรรไกร แหนบ คีมถ่าง มีแม้กระทั่งค้อนอันเล็กๆ แต่ละอย่างดูเล็กน่ารักและคมกริบ คล้ายอุปกรณ์ผ่าตัดในยุคปัจจุบันมาก

“ท่านจะทำอะไร?” กู้ซีจิ่วหดกายถอยหลังไปเล็กน้อยอย่างไร้สุ้มเสียง

ตี้ฝูอีนำกรรไกรมาหมุนกลางฝ่ามือ ปลายกรรไกรชี้ไปที่เธอ สีหน้าคล้ายกำลังครุ่นคิดว่าจะตัดตรงไหนดี “ครั้งนี้การแปลงโฉมของเจ้ายอดเยี่ยมยิ่งนัก ข้าอยากจะตัดออกมาดูสักหน่อย”

เขาพูดพลาง โน้มกายเข้ามา

“หยุดนะ! ข้าจะทำเอง!”กู้ซีจิ่วไม่กล้าปล่อยให้เขาลงมือตัดให้ตนเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเขาอาจตัดหนังหน้าเธอจนเละเทะได้!

“วางใจเถอะ ข้ามือเบายิ่งนัก อย่างมากก็แค่ทำให้ผิวเจ้าเกิดรอยขีดข่วนนิดหน่อย ข้ารักษาได้โดยใช้ยาทาที่มีพลังวิญญาณ…” ตี้ฝูอียื่นมือซ้ายออกมา ราวกับต้องการจะบีบหน้าเธอ

หากกู้ซีจิ่วไม่ถูกสกัดจุดไว้จนเคลื่อนไหวไม่ได้ คงยันเท้าออกไปตั้งนานแล้ว

ยามนี้เธอทำได้แค่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วซุกตัวแนบผนังรถม้า

“อุปกรณ์แปลงโฉมของข้าไม่อาจตัดออกได้!”

“หือ?” ตี้ฝูอีเลิกคิ้ว มองดูเธออย่างมีนํ้าอดนํ้าทน “เช่นนั้นต้องล้างออกหรือ? ไม่น่าจะใช่กระมัง? เจ้าแช่อยู่ในทะเลสาบชื่นสุคนธ์นานถึงเพียงนั้นก็ยังไม่หลุดลอกออกมาเลย”

กู้ซีจิ่วหลับตาลงเล็กน้อย เพื่อปกป้องใบหน้าน้อยๆ ของตนเอาไว้ เธอทำได้แค่เปิดเผยความลับการแปลงโฉมของตนเท่านั้น “ให้บริวารของท่านน้าน้ำส้มสายชู เหล้าขาว…กับน้ำร้อนเข้ามา ข้าจะล้างเอง!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!