Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 220

บทที่ 220

ต้องออกไปยามดึกดื่น

ตี้ฝูอีกวาดตามองแวบหนึ่ง บันทึกได้สมบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง แม้กระทั่งสาวน้อยผู้นี้ปลดทุกข์นานเท่าใดล้วนจดไว้อย่างละเอียด

เขาคลี่ยิ้ม พยักหน้า แล้วหันกายจากไป

เหล่าองครักษ์ด้านหลังสบตากันแวบหนึ่ง มองเห็นการคาดเดาในดวงตาของอีกฝ่ายว่า ‘ท่านเจ้าวังห่วงใยเจ้าอ้วนคนนั้นถึงเพียงนี้ ย่อมเป็นชายรักชายแน่แล้ว…’

เมื่อเจ้าวังกลับมา เส้นประสาทอันตึงเครียดของพวกเขาก็ผ่อนคลายลง หายใจเต็มปอดได้จริงๆ เสียที พวกเขาต่างพากันหัวเราะเฮฮา สนทนาอย่างเบิกบานใจ คนผู้หนึ่งพลันวิ่งผลุนผลันออกมาจากด้านใน เพียงชั่วพริบตาก็วิ่งมาถึงหน้าประตูวัง “เร็วเข้า เปิดประตู ท่านเจ้าวังส่งข้าออกไปทำธุระด่วน!”

หัวหน้าผู้อารักขาประตูจ้องมองทันที คนผู้นั้คือโม่อวี่เยียน เห็นได้ชัดว่านางร้อนใจยิ่ง พวงแก้มของนางแดงก่ำอยู่ในยามราตรี

ในเมื่อเป็นคำสั่งของเจ้าวัง หัวหน้าผู้อารักขาประตูย่อมไม่กล้าโอ้เอ้ รีบเปิดประตูให้นาง “ธุระอะไรถึงเร่งด่วนขนาดนี้? ต้องออกไปยามดึกดื่นเชียวหรือ?”

“ธุระของท่านเจ้าวังเจ้าก็กล้าก้าวก่ายหรือ?” โม่อวี่เยียนกล่าวอย่างเย็นชา เงาร่างพุ่งออกจากประตูวังอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็หายลับไป

องครักษ์ที่อารักขาประตูอดส่ายหัวไม่ได้ เป็นความจริงที่เจ้าวังกระทำการลึกลับ บางครั้งก็ส่งคนออกไปทำธุระ คนที่ไปทำธุระจะออกไปโดยไม่ชี้แจงแถลงไขกับองครักษ์ผู้อารักขาประตู ดูเหมือน ครั้งนี้เองก็เช่นกัน

ไม่รู้ว่าหนนี้โม่อวี่เยียนออกไปด้วยเรื่องของเศรษฐีอ้วนคนนั้นหรือไม่…

ตี้ฝูอีมุ่งตรงไปยังเรือนรับแขกหลังนั้น ยามเปิดประตูออกแสงในห้องค่อนข้างมืดสลัว จุดโคมแก้วไว้เพียงดวงเดียวเพื่อให้แสงสว่าง

โม่อวี่เยียนกำลังก้มหัวสัปหงกเฝ้าอยู่ตรงประตู พอเห็นเขามาถึงก็รีบคุกเข่าโขกศีรษะทันที “ท่านเจ้าวัง!”

ตี้ฝูอีไม่มองนาง ถามเพียงประโยคเดียวว่า “นางล่ะ?”

“พักผ่อนอยู่ในห้องเจ้าค่ะ หลับสนิทไปแล้ว” โม่อวี่เยียนก้มหัวตอบ

ดูเหมือนสาวน้อยผู้นี้จะยอมรับชะตากรรมแล้ว จึงไม่หลบหนี ตี้ฝูอีพยักหน้า ผลักประตูเข้าไปในห้อง…

แสงภายในห้องยิ่งมืดสลัวกว่าเก่า ม่านมุ้งบนเตียงห้อยลงมา ในเตียงมีเสียงลมหายใจบางเบา หากไม่ฟังให้ดีย่อมไม่มีทางได้ยิน แต่ปิดบังหูของตี้ฝูอีไม่ได้

เขาหยักยิ้มบางๆ ก้าวเข้าไปช้าๆ แล้วเลิกม่านเตียงขึ้น เผยให้เห็นคนที่อยู่ด้านใน

คนบนเตียงห่มผ้าห่มผืนบาง หลับสนิทยิ่ง บนใบหน้าอ้วนกลมนั้น สิ่งเดียวที่โดดเด่นก็คือขนตางอนยาว ราวกับพัดเล่มน้อยๆ ที่ปกคลุมอยู่บนเปลือกตา

เขาเหลือบมองแวบหนึ่งแล้วเบือนสายตาไป ถอนหายใจเบาๆ “เด็กน้อย เจ้าชมชอบหัวหมูเช่นนี้หรือ? สวมไว้นานขนาดนี้แล้วยังไม่ถอดออกมาอีก”

คนบนเดียงนอนหลับไม่รู้เรื่อง ย่อมไม่ส่งเสียงตอบมา

“ด่านทดสอบพรุ่งนี้เจ้าต้องผ่านไปให้ได้ มิฉะนั้นเจ้าจะ…” กล่าวมาถึงตรงนี้ จู่ๆ เขาก็ชะงัก

“หลับเป็นตายขนาดนี้เชียวหรือ? เชี่ยวชาญการแสร้งหลับมากสินะ?” ตี้ฝูอีมองนางครู่หนึ่งแล้วหัวเราะเบาๆ ขยับเข้าไปใกล้นาง ปลดปล่อยแรงกดดันบนร่างออกมาเล็กน้อย

ร่างคนที่อยู่บนเตียงสั่นสะท้านขึ้นมาเล็กน้อย เปลือกตาไหวระริก ลูกตาภายใต้เปลือกตากลอกกลิ้งไปมาอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่ลืมตาขึ้นมา

ตี้ฝูอีคล้ายจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ใบหน้าหล่อเหลาทะมึนโดยพลัน จากนั้นยกมือขึ้นแตะข้อมือของคนที่อยู่บนเตียงทันที…

เขาผุดลุกขึ้นมาทันที!

คนบนเตียงไม่ใช่นาง!

ดูจากระดับพลังวิญญาณที่ลํ้าลึก เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้เป็นสาวใช้ในวังของเขา!

โม่อวี่เยียน?

ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นได้ ร่างกายพุ่งพรวดออกมา ร่างของ ‘โม่อวี่เยียน’ เมื่อครู่หายไปจากประตูแล้ว…

เขากำมือแน่น หมุนกายหายไปจากจุดเดิม เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งก็มาถึงประตูวังแล้ว

บรรดาองครักษ์ที่ประตูวังกำลังคาดเดาอยู่ตรงนั้นว่าภารกิจที่โม่อวี่เยียนออกไปทำคืออะไรกันแน่ เมื่อเงยหน้ามาเห็นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหันราวกับเทพเจ้าก็ตกตะลึง พากันทำความเคารพ

“ก่อนหน้านี้มีคนออกไปใช่ไหม?”ตี้ฝูอีเริ่มต้นถามทันที

……………………..

[1] ยามซวี คือ ช่วงเวลาระหว่าง 19:00 น. – 20:59 น.

[2] ยามห้าย คือ ช่วางเวลาระหว่าง 21:00 น. – 22:59 น.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version