Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 221

บทที่ 221

สาวน้อยจอมเจ้าเล่ห์ผู้นั้น

“เมื่อครู่นี้แม่นางโม่อวี่เยียนออกไปข้างนอกตามคำสั่งขอรับ”

ตี้ฝูอีนิ่งงัน สาวน้อยจอมเจ้าเล่ห์ผู้นั้น!

เขาพุ่งออกประตูไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ดึกดื่นค่อนคืนแล้ว บนถนนใหญ่ด้านนอกไม่มีผู้คนสัญจร สามารถมองเห็นทิวทัศน์จากหัวมุมถนนนี้ไปจนถึงหัวมุมนั้น ว่างเปล่าวังเวง ไม่มีเงาร่างของคนผู้นั้นเลย

หนีได้ไวนัก!

เขาลูบแหวนสีดำบนนิ้ว ผ่านไปครู่หนึ่งก็เลิกคิ้วขึ้น กู่เกศาดำใช้การไม่ได้แล้ว!

เด็กสาวผู้นี้ลื่นยิ่งกว่าปลาไหลเสียอีก! เขาจับนางอยู่หลายคราล้วนเหมือนคว้าเงาจันทร์ในน้ำ เพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นว่างเปล่า

เขากำมือแน่น ทว่าดวงตากลับโชนแสงเล็กน้อย เยี่ยมมาก นางกระตุ้นความสนใจของเขาขึ้นมาจนถึงขีดสุดแล้ว!

เด็กสาวที่สามารถแปลงโฉมได้ เปลี่ยนแปลงกลิ่นอายบนร่างได้ เลียนเสียงผู้อื่นได้สมจริงยิ่ง คนเช่นนี้หากหลบหนี่อยู่ในโลกธรรมดาสามัญ คงไม่มีทางหาตัวพบจริงๆ เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร

แต่ในโลกนี้ กลับไม่ง่ายดายถึงเพียงนั้น…

เวลานี้นางจะเคลื่อนย้ายในพริบตาไปที่ไหนกัน?

ร้านขายโลงศพแห่งหนึ่ง ดึกดื่นค่อนคืน เจ้าของร้านปิดร้านนอนพักผ่อนตั้งนานแล้ว

ในร้านจุดเทียนไขมันวัวไว้แค่เล่มเดียว แสงเทียนริบหรี่ดั่งไฟวิญญาณ

ข้างในร้านวางโลงศพสีดำทึบที่ขายไม่ออกไว้หลายใบ มองแล้วอึมครึมยิ่งนัก

ทว่ายามนี้ บนฝาโลงใบหนึ่งกลับมีเด็กสาวนางหนึ่งโผล่มาอย่างไร้ร่องรอย นางสวมชุดสีเขียวอ่อน เส้นผมดำขลับมวยเป็นจุก ดูไปแล้วงดงามยิ่ง เพียงแต่พวงแก้มค่อนข้างแดงก่ำ ราวกับรีบร้อนวิ่ง

มาตามถนน

เด็กสาวหอบหายใจเล็กน้อย นั่งพักบนฝาโลงครู่หนึ่ง ผ่อนลมหายใจออกมานิดหน่อย

เจ้าสารเลวผู้นั้นคงไม่ไล่ตามมาอีกกระมัง?!

การป้องกันของวังคํ้านภาแห่งนั้นหนาแน่นมากจริงๆ ทั้งยังใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาแบบสมบูรณ์ภายในวังไม่ได้เลยด้วย ยิ่งกว่านั้นคือวันนี้ทั้งวัน ภายในวังอนุญาตให้เข้าไปแต่ไม่อนุญาตให้ออกมา ดังนั้นหลังจากเธอสอบถามสถานการณ์ในวังจนชัดเจน แล้วก็รอคอยอย่างอดหน

เริ่มจากแปลงโฉมสาวน้อยโม่อวี่เยียนผู้นั้นให้กลายเป็นตน พาไปไว้ในห้องนอน แล้วแปลงโฉมเป็นโม่อวี่เยียนไปเฝ้าอยู่นอกประตู เมื่อมีคนมาสอบถามเธอล้วนรับมือไป

รอจนตี้ฝูอีกลับมาในที่สุด เหมือนที่เธอคาดการณ์ไว้ เจ้าวังผู้นี้จะไม่สนใจข้ารับใช้ข้างกายตนมากนัก ยามที่เธอซึ่งสวมรอยเป็นโม่อวี่เยียนทำความเคารพเขาก็ก้มหน้าอยู่ตลอด ผู้ยิ่งใหญ่เช่นตี้ฝูอีจึงไม่สังเกตเห็น

พอเขาเข้าไปในห้อง เธอก็ฉวยโอกาสออกมาจากเรือน ใช้วิชาเคลื่อนย้ายแบบครึ่งๆ กลางๆ ไปโผล่ที่ประตูใหญ่ทันใด

เนื่องจากตี้ฝูอีกลับมาแล้ว ประตูใหญ่จึงหละหลวมขึ้นมาก และละเลยคำสั่งเข้าได้ออกไม่ได้ข้อนั้นไปด้วย เธอเลยตบตาผ่านไปได้แบบสบายๆ ดังคาด พอออกมาจากประตูของวังคํ้านภา เธอก็รีบใช้วิชา เคลื่อนย้ายในพริบตาทันที…

เธอไม่ได้ไปสถานที่ใดๆ ที่เคยไป แต่มายังร้านขายโลงศพแห่งนี้ ตามตำนานสถานที่แห่งนี้คือที่อัปมงคล ในยามวิกาลไม่มีผู้คนมาแน่นอน ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจอมโรคจิตคนนั้นก็คงคาดเดาสถานที่นี้ไม่ออก…

การคาดเดาของเธอแม่นยำมากจริงๆ เธออยู่ในร้านขายโลงศพแห่งนี้มาครึ่งชั่วยามเต็ม ก็ไม่เห็นคนผู้นั้นโผล่หน้าออกมาจากมุมใดอย่างกะทันหันราวกับผีสางอีก

เธอใช้น้ำยาล้างเครื่องประทินโฉมแบบพิเศษลบวัตถุแปลงโฉมบนหน้าออก กำลังจะร่างเค้าโครงขึ้นใหม่อีกครั้ง จู่ๆ หยกนภาก็เอ่ยขึ้นมา ‘เจ้านาย ท่านสังเกตเห็นอะไรบ้างไหม?’

‘เห็นอะไร?’

‘ปานแดงบนหน้าผากท่านเหมือนจะจางลงไปไม่น้อยแล้ว!’

‘อะ? ใช่หรือ?’ กู้ซีจิ่วหยิบกระจกขึ้นมาส่อง พบว่าปานแดงบนหน้าผากจางลงไปมากแล้วจริงๆ

จากเดิมที่แดงเหมือนใบเฟิงในฤดูใบไม้ร่วง บัดนี้ราวกับล้างสีออกไปหนึ่งชั้น สีแดงสดกลายเป็นสีแดงอ่อน…

กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง

นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ?

หรือเป็นเพราะยาแปลงโฉมแบบพิเศษที่เธอใช้ทาหน้าบ่อยๆ ในตัวยาพวกนี้มีสิ่งที่ใช้รักษาปานแดงได้หรือ?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version