บทที่ 267
ถ้ายังสอดปากวุ่นวายอีก ข้าจะทำลายเจ้า!
วิธีนั่งสมาธิเช่นนี้ค่อนข้างประหลาด ท่าทางคล้ายนกกระเรียนสยายปีกยิ่งนัก
เดิมทีกู้ซีจิ่วนึกว่าเขาจะเล่นตลกกับตนอีก แต่พอจัดอิริยาบทให้ดี สูดลมหายใจเฮือกแรกตามที่เขาบอก ก็รู้สึกว่าพลังวิญญาณในจุดตันเถียนที่เลือนรางมาโดยตลอดพลันชัดเจนขึ้นมา!
แต่เดิมพลังวิญญาณในร่างเธอเสมือนกับแอ่งนํ้าเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ไม่มีแหล่งนํ้า มักแห้งขอดอยู่เสมอ ทว่ายามนี้แอ่งนํ้าถูกขุดลอก เปิดทางแล้ว จึงไหลมารวมตัวกันที่จุดเดียว ค่อยๆ รวมตัวจนกลายเป็นสายธารเล็กๆ สายหนึ่งไหลเวียนอยู่ในร่างเธอ…
‘เจ้านาย ท่านมีพลังวิญญาณแล้ว!’ จู่ๆ หยกนภาที่พยายามลดเลือนตัวตนมาตลอดพลันเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นยินดี
พอมันส่งเสียง กู้ซีจิ่วเลยสะดุ้งโหยง พลังวิญญาณที่เพิ่งไหลเชี่ยว จึงถูกขัดจังหวะ
ปลายนิ้วตี้ฝูอีปัดผ่านกำไลหยกบนข้อมือเธอทันที…
ร่างกายของหยกนภาเกร็งขึ้นมา!
จากนั้นมันก็ได้ยินเสียงที่ส่งมาจากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ ‘ถ้ายังสอดปากวุ่นวายอีก ข้าจะทำลายเจ้า!’
หยกนภาสั่นสะท้าน หุบปากทันที!
นํ้าตาไหลนองหน้ามัน คนผู้นี้สามารถได้ยินบทสนทนาทางกระแสจิตระหว่างมันกับเจ้านายได้ อีกทั้งเข้ามาร่วมวงได้ง่ายๆ อีกด้วย!
ที่น่าประหลาดยิ่งกว่านั้นคือ เขาสามารถสนทนากับมันแบบส่วนตัวได้ โดยที่เจ้านายไม่รับรู้…
เนื่องจากคนผู้นี้จู้จี้จุกจิกเกินไป ดังนั้นเมื่อหยกนภาอยู่ต่อหน้าเขา จึงไม่ค่อยเอื้อนเอ่ย รักษาความสงบอยู่เป็นนิจ พอเอ่ยปากขึ้นมาหนหนึ่งก็ถูกเขาสั่งสอนเข้าให้!
ส่งที่น่าโมโหกว่านั้นคือ เจ้านายไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย…
กู้ซีจิ่วลืมตามองทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่อยู่ใกล้ชิดยิ่ง “ท่าน…”
“ทำต่อไป” ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหันไปนั่งลงด้านข้าง
กู้ซีจิ่วเพิ่งจะได้ลิ้มรสข้อดีของมัน ย่อมปฏิบัติต่อไป
ชาติก่อนเธอมีความรู้เกี่ยวกับการฝึกฝนพลังวิญญาณอยู่บ้างแล้ว บัดนี้พอลงมือปฏิบัติย่อมเป็นการทำน้อยแต่ได้ผลตอบแทนมาก กู้ซีจิ่วค่อยๆ ปรับสมดุลพลังวิญญาณในร่าง รู้สึกได้ว่ายามที่พลังวิญญาณไหลเวียนในร่างประหนึ่งนํ้าพุที่ชะล้างเส้นเอ็นของเธอ เธอจึงเข้าสู่สภาวะหลงลืมตน ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดเธอก็โคจรพลังเสร็จสิ้น เมื่อลืมตาขึ้นมาก็ต้องตะลึง!
ไม่ไกลออกไปมีซากสัตว์มีพิษจำนวนหนึ่งนอนเกลื่อนกลาด มีทั้งแมงป่องพิษสีแดงก่ำ อสรพิษตัวยาวสีสันฉูดฉาด ยังมีอีกหลายตัวที่ถึงขั้นมองไม่ออกว่าเป็นสัตว์ร้ายประเภทใด
ส่วนตี้ฝูอีพิงอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งอย่างเกียจคร้าน ในมือมีขลุ่ยหยกเลาหนึ่ง สายลมพัดชายเสื้อคลุมเขากระพือขึ้น ดูงดงามเรื่อยเฉื่อย
ที่แท้ในป่าผลไม้แห่งนี้ก็ไม่ได้เงียบสงบ มักมีสัตว์ร้ายปรากฏตัวเหมือนกัน
และระหว่างที่เธอนั่งสมาธิ ตี้ฝูอีก็คอยอารักขาอยู่ข้างกายเธอ
คล้ายว่าจะได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวของเธอทางนี้ เขาเลยหันมามอง “ตื่นแล้วรึ? รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
กู้ซีจิ่วขยับแขนขาเล็กน้อย ดวงตาเปล่งประกาย “เยี่ยมมาก!”
เมื่อมีพลังวิญญาณในร่างย่อมแตกต่างกับยามปกติ พละกำลังฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็วยิ่ง!
นั่งสมาธิเพียงครึ่งชั่วยามเธอก็ฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์แล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเรื่องเช่นนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ เธอถึงขั้นรู้สึกได้ว่าร่างกายคล่องแคล่ากระฉับกระเฉงขึ้น แม้แต่สายตาก็ดีขึ้นไม่น้อย
ถึงแม้จันทร์บนท้องฟ้าจะกลมเกลี้ยง แต่ชั้นเมฆหนายิ่ง บดบังแสงจันทราจนสลัว ในป่าผลไม้จึงมืดครึ้มมาก
หากเป็นแต่ก่อนเธอมองเห็นผลไม้บนต้นได้ก็ไม่เลวแล้ว ทว่ายามนี้ เธอมองเห็นขนตาของตี้ฝูอีที่อยู่ห่างไปสองจั้งได้!
เดิมทีร่างเธอเป็นสวะไร้พลังวิญญาณ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พลังวิญญาณจะฟื้นฟูกลับมาในฉับพลันโดยไร้สาเหตุ ไม่จำเป็นต้องถามเลย บุคคลที่อยู่เบื้องหน้านี้แอบลงมือแน่นอน!
กู้ซีจิ่วหลุบตาลงครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็ช้อนตามองตี้ฝูอี “นทีลืมเลือนคือยาวิเศษใช่หรือไม่? พลังวิญญาณของข้าสามารถฟื้นฟูกลับมาได้เป็นเพราะฤทธิ์มันใช่ไหม?”
สาวน้อยเฉลียวฉลาดนัก!
ตี้ฝูอีดีดนิ้ว กล่าวอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “เป็นผลงานของมันส่วนหนึ่งจริง ที่เหลือเป็นผลงานของข้า”