Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 274

บทที่ 274

หลอกลวงคนได้ไม่ต้องชดใช้ชีวิต!

ตี้ฝูอียั้งมือ กล่าวอย่างเฉยชาว่า “เมื่อกี้เจ้าตกใจหนีไปก็ดีอยู่แล้ว!”

เขาสะบัดแขนเสื้อ แหงนหน้ามองดวงจันทร์บนฟ้า ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เทียนจี้เยวี่ยอีกครา “ที่นี่สงบงดงาม มีพลังวิญญาณเพียงพอ เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการฝึกฝน ท่านลองพักผ่อนอยู่ที่นี่ดูสิ ต้องเก็บเกี่ยวอะไรได้แน่”

เมื่อกล่าวประโยคนี้จบ เขาก็เรียกอาชาเวหามาทันที จากนั้นก็พากู้ซีจิ่วลอยนวลจากไป

ตีสองหน้า โรคจิต!

กินคนไม่คายกระดูก!

หลอกลวงคนได้ไม่ต้องชดใช้ชีวิต!

ที่น่าชังยิ่งกว่านั้นคือ เธอเหมือนจะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปด้วย…

เทียนจี้เยวี่ยนับว่ามีบุญคุณต่อเธอ แต่เธอกลับช่วยผู้อื่นขุดหลุมพรางโดยมิได้ตั้งใจ ปัญหาคือเธอเองก็นึกไม่ถึงว่าตี้ฝูอีเอ่ยบทสนทนากับเธอโดยมีเจตนาให้เทียนจี้เยวี่ยที่ซ่อนอยู่ด้านนอกได้ยิน…

ไม่แปลกเลยที่เทียนจี้เยวี่ยผู้เรียบร้อยจะขี้สงสัยเหมือนซือหม่าอี้ หลุมพรางของตี้ฝูอีช่างป้องกันได้ยากจริงๆ!

กู้ซีจิ่วมองอาชาเวหาที่บินอย่างมั่นคงอยู่ใต้ร่าง แล้วมองตี้ฝูอีที่ยืนเป่าขลุ่ยอยู่ตรงนั้นอย่างสุขสำราญปานเทพเซียน มีคำถามข้อหนึ่งเกิดขึ้นในหัวใจ ก่อนหน้านี้ยามตี้ฝูอีได้รับบาดเจ็บเหตุใดอาชาเวหาตัวนี้ถึงไม่โผล่มา? เมื่อเขาดีขึ้น มันก็โผล่มาเสียอย่างนั้น…

ตี้ฝูอีเป่าขลุ่ยจบแล้ว เขาวางขลุ่ยในมือลงพลางมองดูเธอ “การเป่าของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“เยี่ยมมาก” กู้ซีจิ่ววิจารณ์เขาสั้นๆ สองคำ

“มีความรู้สึกเช่นใด?”

“ข้าเอ่ยไม่ออก”

ตี้ฝูอีนิ่งงัน เขาถอนหายใจ “ข้ารู้สึกว่าตอนนี้เจ้าควรจะเอาใจข้าสักหน่อยนะ”

“เอาใจท่าน แล้วท่านจะไม่ทดสอบข้าต่อใช่ไหม? หรือว่าจะผ่อนปรนให้ระหว่างการทดสอบ?”

“ไม่มีทาง!” ตี้ฝูอีตอบอย่างหนักแน่น

“ถ้าข้าไม่เอาใจท่าน ท่านจะเอาคืนข้าระหว่างการทดสอบหรือกลั่นแกล้งข้าหรือไม่?”

“ย่อมไม่มีทางเช่นกัน ข้าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้สูงส่งหาใช่คนเยี่ยงนั้น”

“ใช่แล้ว ซีจิ่วก็รู้สึกว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็นบุคคลมีเกียรติ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะต้องเอาใจท่านไปทำไม?”

เขานิ่งงัน แย้มยิ้มน้อยๆ “เป็นสาวน้อยที่น่าสนใจมากจริงๆ”

ไม่รู้ว่า โต๊ะหยกตัวเล็กถูกหอบมาจากที่ใด บนโต๊ะเติมไปด้วยอาหารมากมาย มีกระทั่งปลาสองจาน!

“อีกหนึ่งชั่วยามจะกลับถึงเมือง พรุ่งนี้พอเจ้าทดสอบเสร็จสิ้นก็ต้องเข้าป่าทมิฬแล้ว ยังไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้พบเจ้าอีกหรือไม่ ข้าเสียดายยิ่ง โต๊ะนี้ถือว่าข้าเลี้ยงส่งเจ้าแล้วกัน”

กู้ซีจิ่วคลี่ยิ้ม ไม่กล่าวอันใด

อีกทั้งไม่เกรงอกเกรงใจเขา หยิบตะเกียบแล้วกินทันที

ปลานั้นเห็นได้ชัดว่าตี้ฝูอีหอบมาจากโต๊ะจีนปลาล้วนของหลงซือเย่ในตอนนั้น ทว่ายังคงสดใหม่มาก ถึงขั้นมีไอร้อนเหมือนเพิ่งปรุงเสร็จใหม่ๆ รสชาติก็เป็นรสมือของหลงซือเย่ เหมือนที่เธอทำไม่มีผิด หลังจากกู้ซีจิ่วกินไปได้สองคำก็เริ่มครุ่นคิดว่าในอนาคตเธอต้องปรับเปลี่ยนวิธีปรุงปลาแล้ว…

อากาศแจ่มใส

ดวงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ร่วงอบอุ่นอย่างที่หาได้ยากนัก

ภายในเมืองหลวงของอาณาจักรเฟยซิง ข่าวคราวแพร่กระจายไปตามถนนตรอกซอกซอยดั่งลมพัด

วันนี้ยามอู่[1]กู้ซีจิ่วบุตรสาวสวะของแม่ทัพกู้จะเข้ารับการทดสอบที่แท่นเบิกสวรรค์

ข่าวนี้เป็นดั่งนํ้าที่หกลงในหม้อนํ้ามัน เป็นที่ฮือฮาไปทั่วเมืองหลวง

ยามเช้าตรู่ ผู้ที่ทราบข่าวคราวเริ่มรีบรุดไปยังแท่นเบิกสวรรค์ ถนนทุกสายที่มุ่งไปสู่แท่นเบิกสวรรค์ล้วนเนืองแน่นด้วยฝูงชน

แน่นอน โรงเตี๊ยมและเหลาสุราที่อยู่ใกล้กับแท่นเบิกสวรรค์ยิ่งมีคนแน่นขนัด

หอคำนับฟ้าก็เป็นเหลาสุราหนึ่งในนั้นด้วย

หอสุรานี้มีขนาดใหญ่ อาหารก็แพง ปกติแล้วมีแขกอยู่บางตาเท่านั้น ทว่ายามนี้ชั้นบนชั้นล่างกลับเนืองแน่น

อีกทั้งล้วนเป็นขุนนางและชนชั้นสูงของเมืองหลวงที่สามารถช่วงชิงทำเลนี้ได้

………………………..

[1] ยามอู่ คือช่วงเวลาระหว่าง 11:00 น. – 12:59 น.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version