Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 278

บทที่ 278

เป็นหญิงนางนั้นหรือ?!

นางจับราวกั้นของแท่นไว้พลางมองฝูงชนที่เนืองแน่นอยู่ด้านล่างอย่างไร้จุดมุ่งหมาย สายตาพลันจับจ้องที่จุดหนึ่ง มือเท้าล้วนเย็นเฉียบ!

สตรีอาภรณ์แดงนางหนึ่งยืนอยู่ตรงมุมกำแพงทิศตะวันตก สตรีนางนั้นเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้น บนศีรษะสวมหมวกม่านสีแดง บดบังดวงหน้าของนางไว้ แต่งกายคล้ายจอมยุทธ์หญิง

รอบกายนางยังมีคนอยู่มากมายทั้งชายและหญิง แต่เมื่อยืนรวมกับสตรีผู้นี้ ทั้งหมดล้วนกลายเป็นตัวประกอบ…

หลัวซิงหลาน!

รูปร่างและบุคลิกของสตรีชุดแดงคล้ายคลึงกับหลัวซิงหลานยิ่งนัก! แม้กระทั้งลักษณ์การแต่งกายก็ยังเหมือน!

เหลิ่งเซียงอวี้เพิ่งได้รู้จักหลัวซิงหลานในปีนั้น ตอนที่ถูกหลัวซิงหลานช่วยเหลือไว้ อีกฝ่ายก็แต่งกายเช่นนี้ ร่อนลงข้างกายนางดั่งกลุ่มเพลิงก็มิปาน

สตรีชุดแดงนางนั้นยืนพิงอยู่ตรงมุมกำแพงอย่างเกียจคร้าน ดูจากท่าทางของนางแล้วน่าจะมองคนที่อยู่บนแท่นเบิกสวรรค์…

นางเป็นใคร?!

เป็นหญิงนางนั้นหรือ?!

นางกระโดดหน้าผาตายไปแล้วมิใช่รึ?!

หน้าผาทั้งสูงทั้งลึกปานนั้น ใต้หน้าผาคือท้องทะเลที่เชี่ยวกราดและโขดหินโสโครก อีกทั้งนางสูญเสียพลังวิญญาณและกำลังภายในทั้งหมดไปแล้ว กระโดดลงไปเช่นนั้นจะไม่ตายได้อย่างไร?!

ถึงแม้กู้เซี่ยเทียนจะสั่งให้คนค้นหาในทะเลใต้หน้าผานั้นอย่างละเอียดอยู่หลายวัน ก็ยังหาศพนางไม่พบ แต่ในทะเลนั้นลือชื่อเรื่องฉลามทะเล มีปลาฉลามเป็นฝูง เมื่อหลัวซิงหลานกระโดดลงไปย่อม กลายเป็นอาหารของปลาฉลามเหล่านั้นแน่นอน นางจะยังมีชีวิตอยู่ดีบนโลกนี้ได้อย่างไร?!

หากนางยังมีชีวิตอยู่ ย่อมต้องอาทรบุตรชายหญิงของตนมิใช่หรือ?

ย่อมต้องกลับไปเยี่ยมสักหน่อยกระมัง?

จะข่มใจมองบุตรสาวของตนได้รับความทุกข์ยากในจวนแม่ทัพอยู่นานปีโดยไม่รู้สึกรู้สาได้อย่างไร?

อาจจะไม่ใช่นาง เป็นเพียงคนที่บุคคิกรูปร่างคล้ายกับนางเท่านั้น ตนจะลนลานไม่ได้..

ความคิดมากมายแล่นอยู่ในสมองเหลิ่งเซียงอวี้ ถึงแม้จะพยายามปลอบใจตนอย่างสุดความสามารถ แต่บนหน้าผากก็ยังมีเหงื่อเย็นผุดออกมาเรื่อยๆ

“ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไป? ไม่สบายหรือเจ้าคะ?” กู้เทียนอีที่ยืนข้างกายนางถามขึ้น

หลังจากเหลิ่งเซียงอวี๋ได้เป็นฮูหยินใหญ่ บุตรสาวที่เกิดจากอนุคนอื่นๆ จะต้องเรียกขานนางว่าท่านแม่ แล้วเรียกมารดาผู้ให้กำเนิดพวกตนว่าแม่รอง ดังนั้นถึงแม้กู้เทียนอีจะมิได้กำเนิดจากนาง ก็ยังต้องเรียกขานนางว่าท่านแม่

เหลิ่งเซียงอวี้ส่ายหน้า “ไม่เป็นไร คนมากมายเกินไป ข้าเลยร้อนนิดหน่อย”

นางหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนมาซับเหงื่อ อดมองไปฝั่งที่ดูเมื่อครู่อีกหนไม่ได้ จากนั้นพลันตะลึงงัน

สตรีชุดแดงนางนั้นหายไปแล้ว!

ถูกผู้งชนเบียดไปที่อื่นแล้วหรือ?

สายตาของเหลิ่งเซียงอวี้มองสำรวจกลุ่มคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ก็หาเงาร่างของสตรีนางนั้นไม่พบอีกเลย…

นางไม่ยอมถอดใจ จะมองหาอีกครั้ง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงสูดหายใจจากรอบด้านดังขึ้นเป็นระลอก มีคนอุทานด้วยความตื่นเต้น ระคนเหลือเชื่อ “สวรรค์ เจ้าสานักเก้าดารากับเจ้าสำนักหยินหยางมาถึงแล้ว!”

เหลิ่งเซียงอวี้เงยหน้าขึ้นโดยพลัน คนอื่นๆ ก็ย่อมพากันเงยหน้าขึ้นด้วย

รถม้าสองคันปรากฏขึ้นกลางอากาศ

คันหนึ่งมาจากทิศใต้ คันหนึ่งมาจากทิศเหนือ

รกคันที่มาจากทิศใต้เป็นสีแดงเพลิง เทียมรถด้วยวิหคเพลิงแดงฉาน ลูกศิษย์ที่ติดตามล้วนสวมชุดสีดำปักลวดลายดวงดาราแบบเดียวกันหมด ดูแล้วเป็นระเบียบเรียบร้อย

รกคันที่มาจากทิศเหนือเป็นสีเงินยวง เทียมรถด้วยสัตว์เวหาสีเดียวกัน ลูกศิษย์ที่ติดตามล้วนเป็นศิษย์หญิง สวมชุดกระโปรงพลิ้วไสวสีขาวนวล ให้อารมณ์ดั่งนางเซียน ผู้คนที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ย่อมรู้จักรถม้าเช่นนี้ รถม้าสีแดงเพลิงเป็นของเจ้าสำนักเก้าดารา รถม้าสีเงินยวงเป็นของเจ้าสานักหยินหยาง

รถม้าทั้งสองคันหยุดลงพร้อมกัน ม่านรถแหวกออก คนสองคนต่างออกมาจากรถม้าแต่ละคัน

บนรถม้าสีแดงเพลิงคือบุรุษชุดคลุมแดงผู้หนึ่ง บนใบหน้าสวมหน้ากากหน้าตาดุดันถมึงทึงสีแดงเข้ม เรือนกายสูงสง่า ยืนอยู่ตรงนั้นดุจหลาวเพลิงตั้งตระหง่าน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!