บทที่ 29
ไม่มีทาง!
หัวใจเขาเต้นแรง นำเอากริชลงมา แล้วหยิบเอาจดหมายออกมาอ่านใกล้ๆ แสงตะเกียง สีหน้าดำทะมึนขึ้นโดยพลัน…
เมื่ออ่านจดหมายจบ เขาก็ตบโต๊ะจนพังเป็นเสี่ยงๆ “ใครก็ได้เข้ามานี่หน่อย! ไปเชิญเจ้ากรมกรมวังฮู่และองค์ชายแปดหรงเช่อมาที่จวนที!”
เหล่าข้ารับใช้รับคำสั่งแล้วก็ออกไปเชิญคนมาทันที
กู้ซีจิ่วที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด นัยน์ตาฉายแววอำมหิตแวบหนึ่ง มุมปากหยักยิ้มบางๆ
องค์ชายหรงเหยียนเอ๋ย เจ้ากล้าปองร้ายข้า เช่นนั้นก็จงยอมรับผลกรรมซะเถอะ!
คิดจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นรึ? ไม่มีทาง!
เรื่องที่ควรทำก็ทำไปพอสมควรแล้ว จากนี้เธอแค่ต้องรอดูผลลัพธ์ก็พอ กู้ซีจิ่วแหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์เสี้ยวที่ลอยอยู่เหนือศีรษะ นี่ก็ดึกแล้ว เธอควรจะกลับได้แล้ว เธอขยับกายคราหนึ่ง แล้วค่อยๆ อันตรธานหายไปอย่างสง่างาม ถึงแม้จวนพระอนุชาขององค์จักรพรรดิจะมีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น ทว่ากู้ซีจิ่วนั้นมีวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตา บวกกับการที่เธอเชี่ยวชาญการสัญจรในยามราตรีเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเธอจึงเข้ามาในจวนพระอนุชาคนนี้ได้อย่างราบรื่น โดยไม่ถูกใครพบเห็นตัว
เพราะเหตุการณ์สืบค้นในครั้งนั้น ทำให้กู้เซี่ยเทียนค่อนข้างรู้สึกผิดต่อกู้ซีจิ่ว จึงต้องการชดเชยให้เธอ ดังนั้นไม่ว่ากู้ซีจิ่วจะมีข้อเรียกร้องใดเขาก็รับปากทั้งสิ้น
อาทิเช่นยกเรือนพักที่งดงามและเงียบสงบไม่มีผู้คนมารบกวนหลังหนึ่งให้แก่เธอ มอบสาวใช้ประจำตัวให้เธอสี่คน ข้ารับใช้ที่เอาไว้ใช้แรงงานอีกสี่คน ในที่สุดกู้ซี จิ่วก็ได้ใช้ชีวิตเยี่ยงคุณหนูผู้สูงศักดิ์แล้ว
เหลิ่งเซียงอวี้เป็นผู้กุมอำนาจการจัดการกิจธุระต่างๆ ของจวนแม่ทัพไว้ในมือมานานแล้ว ทั้งแปดคนที่ถูกส่งมาย่อมมีสายสืบของเหลิ่งเซียงอวี้ปะปนอยู่ คงมีหน้าที่คอยจับตาดูทุกความเคลื่อนไหวของกู้ซีจิ่ว แน่นอนว่ากู้ซีจิ่วย่อมทราบถึงเรื่องนี้ และเธอก็ยังทราบอย่างชัดเจนอีกด้วยว่าสายสืบคนนี้เป็นหนึ่งในสาวใช้ ประจำตัวทั้งสี่คนที่ติดตามรับใช้อยู่ช้างกาย เพียงแต่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นคนไหน
เธอเป็นนักฆ่า สิ่งที่เชี่ยวชาญที่สุดก็คือการสังเกตสีหน้าท่าทางของผู้คน การสืบหาตัวหนอนบ่อนไส้สำหรับเธอแล้วง่ายเหมือนปอกกล้วยเช้าปาก ดังนั้นเธอจึงใช้ลูกไม้เล็กๆ น้อยๆ ทำให้สายสืบที่ปะปนอยู่ในกลุ่มสาวใช้ประจำตัวโผล่หางออกมา เธอจับได้อย่างคาหนังคาเขา ในขณะที่สาวใช้คนนั้นกำลังจะส่งข่าวออกไปภายนอก
กู้ซีจิ่วจึงไม่เกรงอกเกรงใจ สั่งให้คนโบยสาวใช้นางนั้นปางตาย โดยไม่สนใจเสียงร้องไห้อ้อนวอนของสาวใช้นางนั้น เธอหานายหน้ามาแล้วขายสาวใช้นางนั้นทิ้งเสีย เป็นเพราะกู้ซีจิ่วมีหลักฐานแน่ชัด อีกทั้งยังรายงานเรื่องนี้ให้กู้เซี่ยเทียนทราบแล้ว ด้วยเหตุนี้เหลิ่งเซียงอวี้จึงขัดขวางเธอไม่ได้ได้แต่ทำตาปริบๆ มองสาวใช้นางนั้นถูกหามออกไป
นับว่าการเชือดไก่ให้ลิงดูของกู้ซีจิ่วในครั้งนี้ได้ผลไม่เลว เขย่าขวัญบรรดาสาวใช้ประจำตัวและเหล่าช้ารับใช้ได้สำเร็จ
เดิมทีพวกนางยังรู้สึกไม่ยอมรับกู้ซีจิ่วอยู่บ้าง แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไป ในที่สุดก็ทราบว่าแม้คุณหนูกู้ผู้นี้จะดูอ่อนแอเหมือนเคย ทว่าไม่ควรจะไปหาเรื่องนางเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว…
เพราะเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เหลิ่งเซียงอวี้ก็ปกป้องพวกนางไว้ไม่ได้…
หากอยากกำราบคนเหล่านี้ให้ยอมรับใช้ตนด้วยใจจริง จะใช้เพียงพระเดชคงไม่พอ
ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงเรียกทั้งเจ็ดคนที่เหลือมารวมตัวกันแล้วเปิดการประชุมขนาดเล็ก ตั้งกฎการลงโทษและการตกรางวัลไว้อย่างชัดเจน
หากพบว่าสาวใช้คนใดมีแววจะเป็นสายสืบเหมือนสาวใช้นางนั้นก็ให้มาแจ้งกับเธออย่างลับๆ แล้วเธอจะตกรางวัลอย่างงามให้แก่ผู้ที่จงรักภักดี…
หลังจากนั้นเธอก็เรียกทั้งเจ็ดคนนี้เข้ามาในห้องทีละคน บางครั้งก็ไต่ถามเล็กน้อย บางครั้งก็กักตัวพวกนางไว้สักพักแล้วค่อยปล่อยตัวไป…
ด้วยวิธีการนี้ คนเหล่านี้จึงไม่รู้ว่าใครคือผู้ที่ถูกตกรางวัล ได้แต่หวาดระแวงกันเอง จะกระทำการใดก็ต้องระมัดระวังตัวทุกฝีก้าว กู้ซีจิ่วแบ่งแยกการให้รางวัลและการลงโทษเอาไว้อย่างชัดเจน หากว่าใครกระทำเพื่อเธอด้วยใจจริง เธอจะให้รางวัลให้ต่อหน้าคนอื่นๆ ทันที ที่จริงแล้วสายสืบของเหลิ่งเซียงอวี้ที่อยู่ในกลุ่มนี้ไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์เช่นนี้ต่อเนื่องกันหลายครา ในที่สุดสายสืบที่เหลือก็เข้าใจได้ว่าใครคือเจ้านายที่พวกนางควรจะภักดีด้วย จึงกล้าที่จะบอกกู้ซีจิ่วว่าเมื่อก่อนพวกนางรับคำสั่งจากเหลิ่งเซียงอวี้ เพื่อ เป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อกู้ซีจิ่ว…