บทที่ 314
สตรีน่าตาย ทนฟังคนอื่นพูดความจริงไม่ได้
กู้ซีจิ่วไม่สนใจมัน ตอนนี้เธอเน้นความอบอุ่น ไม่สนว่าจะน่ามองหรือไม่ก็ตาม!
เธอรู้สึกว่านิ้วมือแข็งทื่อไปแล้ว ไม่เช่นนั้นการเคลื่อนไหวเมื่อครู่คงคล่องแคล่วกว่านี้หน่อย
เมื่อถลกหนังหมีออกมาแล้ว เธอก็จัดการด้วยวิธีพิเศษ แล้วหยิบกรรไกรออกมาตัดๆ เฉือนๆ ใช้เข็มเย็บอีกไม่กี่ครั้ง เสื้อคลุมหนังหมีที่เรียบง่ายตัวหนึ่งก็เสร็จสมบูรณ์ในที่สุด
เธอลองสวมดูทันที ไม่สั้นไม่ยาวกำลังพอดี ที่สำคัญคือสิ่งนี้อบอุ่น จริงๆ!
เธอสวมเพียงครู่เดียว มือเท้าก็กลับมาอุ่นแล้ว
หยกนภาไม่อยากมองเลยจริงๆ ‘เจ้านาย ท่านสวมสิ่งนี้แล้วดูเหมือนลูกหิมะจริงๆ ข้าว่าท่านไม่จำเป็นต้องวิ่งแล้ว ขดตัวบนพื้นแล้วกลิ้งไปก็พอ’
กู้ซีจิ่วตอบรับ ยิ้มน่าสะพรึง ‘เสี่ยวชาง เจ้าตักเตือนข้าแล้ว’ เธอคว้ามันออกจากข้อมือแล้วโยนไปอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ หยกนภากลมเกลี้ยงกลิ้งหลุนๆ…
หยกนภาที่กลิ้งไปตามทางกัดฟันกรอด ‘สตรีน่าตาย ทนพังคนอื่นพูดความจริงไม่ได้!’
‘ฮ่าๆๆ…เสี่ยวชาง เดิมทีเจ้าก็ไม่ใช่คนอยู่แล้ว…’ กู้ซีจิ่วหัวเราะดังลั่น เสียงหัวเราะใสกระจ่างก้องกังวานบนทุ่งหิมะ ราวกับสั่นพวงกระดิงเงิน
หยกนภาตะลึงงัน เป็นครั้งแรกที่เจ้านายหัวเราะเบิกบานเช่นนี้ ที่แท้นางก็มีช่วงเวลาที่เป็นสุขเหมือนกัน
มันแปลงกายเป็นสร้อยข้อมือบินกลับไป พันรอบข้อมือเธอพลางข่มขู่ ‘ท่านกล้ากลิ้งข้าอีกครั้งก็ลองดู!’
เมื่อมันแปลงเป็นสร้อยข้อมือยู่อมกลิ้งไม่ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคืออัญมณีทุกเม็ดบนสร้อยข้อมือที่มันแปลงกายมีเหลี่ยมมีมุม โยนลงพื้นแล้วอย่าว่าแต่กลิ้งเลย สามารถทำให้หิมะเป็นหลุมได้ด้วยซ้ำ…
กู้ซีจิ่วหันกายจากไป
…………………………..
หิมะตกหนักมาก ท่ามกลางละอองหิมะที่ปลิวว่อนเต็มฟ้า มีคนกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้ามาทางทิศนี้
เป็นคนแปดคน หญิงสองชายหก
เห็นได้ชัดว่าวรยุทธ์ของแปดคนนี้ไม่ต่ำต้อย ยามเหยียบย่างอยู่บนพื้นหิมะ แม้แต่รอยเท้าก็ไม่หลงเหลือไว้สักรอย
“เอ๊ะ นั่นอะไรน่ะ?” สาวน้อยชุดเขียวคนหนึ่งชี้ไปยังกองเนื้อกองหนึ่งด้านหน้าพลางเอ่ยเสียงแผ่ว
ทุกคนเงยหน้าขึ้น มองเห็นกองเนื้อขนาดเท่าเนินเขาลูกเล็กๆ ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ท่ามกลางหิมะโปรยปราย
“ซานซิง ไปดูสิ!” คุณชายชุดแพรหนึ่งในนั้นสั่งการ
“ขอรับ!”ชายฉกรรจ์วัยกลางคนที่ดูเฉลียวฉลาดมากความสามารถคนหนึ่งตอบรับ เหินกายเข้าไปวนรอบกองเนื้อเบื้องหน้านั้น แล้วเหินทะยานกลับมา “เรียนซื่อจื่อ[1] กองเนื้อที่เห็นเหมือนจะเป็น…หมีอสูรเยือกแข็งขอรับ…”
หัวคิ้วคุณชายชุดแพรขมวดมุ่น ไม่กล่าวอันใด เหินทะยานเข้าไปทันที ทุกคนย่อมทะยานตามไปด้วย
กองเนื้อนั้นขนาดไม่เล็ก บัดนี้แช่หิมะจนแข็งแล้ว กองคว่ำอยู่ตรงนั้น แน่นิ่งไม่ไหวติง
มองแล้วเหมือนซากหมีอสูรเยือกแข็งจริงๆ
“โหดเหี้ยมจริงๆ!” สาวน้อยชุดเขียวอุทานเสียงแผ่ว เบือนหน้าหนีไป
ซานซิงเริ่มตรวจสอบบาดแผลบนซากหมี ผ่านไปครู่หนึ่งจึงรายงาน “ซื่อจื่อขอรับ หมีตัวนี้ถูกคนแทงหน้าผากทะลุจุดเฟิงซื่อ [2]จนตาย ดูจากร่องรอยการต่อสู้ที่นี่ น่าจะเป็นฝีมือของคนผู้นั้น”
คุณชายชุดแพรผู้นั้นพยักหน้าเล็กน้อย “คนผู้นี้กล้าบุกเดี่ยวมาที่ ทุ่งนํ้าแข็งลี้ลับแห่งนี้ พลังยุทธ์ย่อมไม่อาจดูแคลนได้”
ซานซิงจึงกล่าว “ดูเหมือนคนผู้นี้จะไม่คุ้นเคยกับสัตว์ร้ายในทุ่งนํ้าแข็งแห่งนี้ จากบาดแผลพวกสัตว์ที่ถูกเขาสังหารระหว่างทางเหล่านั้น ทั้งหมดเป็นการแทงหยั่งเชิงจุดอื่น สุดท้ายเมื่อเขาหาจุดอ่อนพบถึงลงมือสังหาร…เพียงแต่ทักษะของเขาประหลาดยิ่งนัก ดูจากความเชื่อมโยงของบาดแผล ฝีมือของคนผู้นี้โหดเหี้ยมเด็ดขาดเหนือธรรมดา พอเขาหาจุดอ่อนพบก็จะโจมตีปลิดชีพทันที!”
เห็นได้ชัดว่าซานซิงผู้นี้เชี่ยวชาญการตรวจสอบบาดแผล วิเคราะห์ออกมาได้อย่างมีหลักการ
คุณชายชุดแพรผู้นั้นจับจ้องด้านหน้า “จระเข้นํ้าแข็งห้าตัว งูเหลือมหิมะสี่ตัว หมีอสูรหนึ่งตัว…เห็นทีบุคคลผู้นี้คงเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมืออีกที ซานซิง เจ้าคิดว่าพลังยุทธ์ของคนผู้นี้สูงส่งเพียงใด?”
…………………………
[1] ซื่อจื่อ ใช้เรียกขานเรียกลูกชายที่จะเป็นทายาทสืบทอดบรรดาศักดิ์ของผู้เป็นพ่อ
[2] จุดเฟิงซื่อ คือจุดที่อยู่กึ่งกลางท้ายทอย