บทที่ 341
ก้าวแรกผิด ก้าวต่อไปย่อมผิดด้วย
เธอพลันฉีกแขนเสื้อออกครึ่งส่วน โยนลงเบื้องหน้ากู้เซี่ยเทียน หันหลังแล้วใช้วิชาตัวเบาอันลํ้าเลิศจากไป ไม่หันกลับมาอีก
กู้เซี่ยเทียนสติหลุดไปแล้ว!
องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวเหลือบมองกู้เซี่ยเทียนอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนจะขว้างระเบิดลูกหนึ่งออกมาอย่างเนิบนาบ “แม่ทัพกู้ เปิ่นกงตรวจพบเรื่องหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ปีนั้นกู้เทียนนั่วมิได้หนีไป ที่ป่าทมิฬด้วยตัวเอง แต่มีคนจงใจชักจูงเขาให้ใปที่นั่น มีคนต้องการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม…”
กู้เซี่ยเทียนดั่งถูกฟ้าผ่าใส่ เงยหน้าขึ้นมาทันที “เป็นผู้ใดกัน?!”
“แม่ทัพกู้ยังเดาไม่ออกอีกหรือว่าผู้ใดที่ลงมือเช่นนี้?” องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวหัวเราะเสียงเย็นแล้วเหินกายจากไป
สายลมโชยผ่าน พัดจนเส้นผมของกู้เซี่ยเทียนยุ่งเหยิง เขามองศพของเหลิ่งเซียงอวี้ที่อยู่บนพื้น เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเคียดแค้นชิงชัง!
ในปีนั้นนางนำชาไปมอบให้เขาที่ห้องหนังสือกลางดึก หลังจากเขาดื่มชาถ้วยนั้นเข้าไป…ถึงได้เสพสมกับนางอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้นางเข้าประตูเรือนมาได้ในที่สุด
ไม่นึกเลยว่าก้าวแรกผิด ก้าวต่อไปย่อมผิดด้วย…
เขาเอนหลังพิงกำแพงอย่างหดหู่พลางเงยหน้ามองฟ้า “อาซิง นี่คือกรรมตามสนองข้าแล้วสินะ? ถ้าเมื่อก่อนข้ารักษาสัญญา…”
……………………
ภายในโรงน้ำชาที่เก่าแก่งดงามแห่งหนึ่ง
กู้ซีจิ่วหลุบตามองขวดแก้วผลึกบนโต๊ะ มีเม็ดยาสีแดง 30 เม็ด ส่องประกายแวววาวอยู่ภายในขวด
….เม็ดยาอสูรเหมันต์ระดับสี่
“องค์รัชทายาท นี่คือ?” กู้ซีจิ่วเงยหน้ามององค์รัชทายาทหรงเจียหลัวที่นั่งชงชาอยู่ตรงกันข้าม
องค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ของอาณาจักรเฟยซิงยังมีฝีมือลํ้าเลิศด้านการชงชาอีกด้วย ยามชงชาดุจเมฆาเคลื่อนคล้อยธาราไหลริน เพลินตายิ่งนัก
กู้ซีจิ่วตัดขาดกับกู้เซี่ยเทียนอย่างเด็ดขาด ย่อมต้องย้ายออกจากที่พำนัก
ยามที่เธออกจากจวนแม่ทัพไม่ได้พกอะไรไปด้วยแม้แต่น้อย เมื่อออกจากจวนแม่ทัพก็เตรียมจะหาโรงเตี้ยมเพื่อพักแรมไปก่อนสักสองสามวัน ถึงอย่างไรอีกสามวันให้หลังเธอก็ต้องไปป่าทมิฬแล้ว พอกลับมาอีกครั้งไม่แน่ว่าจะยังอยู่ในฐานะนี้ จึงไม่จำเป็นต้องไปเช่าบ้าน
แต่ไม่นึกเลยว่าเพิ่งจะก้าวพ้นประตูก็ถูกองค์รัชทายาทผู้นี้ไล่ตามมา
องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวถามว่าเธอมีแผนภารอย่างไรในอนาคต เธอไม่สามารถพูดความจริงได้ จึงบอกเพียงว่าต้องการหาโรงเตี้ยมพักแรมก่อน หลังออกมาจากป่าทมิฬค่อยวางแผนอีกที
องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวขมวดคิ้ว ไม่พูดไม่จาอะไรก็ลากเธอไป
กล่าวว่าถึงอย่างไรเธอก็เป็นศิษย์เทพศักดิ์สิทธิ์ พำนักในโรงเตี้ยมต่ำต้อยไม่สมฐานะ แล้วโรงเตี้ยมยังมากคนมากความไม่ปลอดภัย เช่าเรือนพำนักจะเป็นการดีที่สุด
วันนี้องค์รัชทายาทดูผ่อนคลายยิ่งนัก ทั้งยังรู้จักแว่นแควันของตัวเองเป็นอย่างดี อยู่เป็นเพื่อนเธอเพียงครู่เดียวก็หาเรือนพักที่เหมาะสมได้
สภาพแวดล้อมของเรือนหลังนั้นเงียบสงบงดงาม เป็นเรือนพำนักแบบสามชั้น ด้านในมีเครื่องเรือนครบครัน แล้วยังประณีตงดงามอย่างยิ่ง สมบูรณ์แบบจนสามารถหิ้วสัมภาระเขาอาศัยได้ทันที
ตามที่กล่าวคือเรือนหลังนี้เป็นเรือนพักส่วนตัวของท่านโหวผู้หนึ่ง ต่อมาท่านโหวได้เลื่อนตำแหน่ง อีกทั้งได้รับพระราชทานจวนหลังอื่น ด้วยเหตุนี้ครอบครัวท่านโหวจึงย้ายไปอยู่ที่จวนหลังใหม่ และ ปล่อยเรือนให้เช่า…
เมื่อเช่าเรือนเสร็จเรียบร้อย เวลาก็บ่ายคล้อยแล้ว
องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวจึงเสนอให้ไปดื่มชาดับร้อนภายใน ทั้งยังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต้องการเชื้อเชิญกู้ซีจิ่ว
กู้ซีจิ่วย่อมปฏิเสธไม่ได้ เลยมาถึงที่นี่ด้วยเหตุนี้
ทำเลที่ตั้งของโรงนํ้าชาแห่งนี้เงียบสงบร่มรื่น โครงสร้างวิจิตรงดงาม ดอกไม้ใบหญ้าทุกต้นล้วนโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ทุกห้องทุกแผงล้วนแปลกใหม่ไม่ซ้ำกัน เป็นสโมสรที่บรรดาผู้ดีมีฐานะของยุคนี้ มักจะมาเที่ยวเล่นกันเป็นประจำ มีความเป็นส่วนตัวมาก เหมาะสำหรับดื่มชาสนทนาความในใจที่สุด
คนทั้งสองเพิ่งนั่งได้ไม่นาน ระหว่างที่องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวชงชาอยู่ก็ล้วงขวดแก้วผลึกใบหนึ่งออกมาแล้วผลักไปให้เธอ…
เมื่อได้ยินคำถามนั้นของกู้ซีจิ่ว องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวตอบอย่างตรงไปตรงมายิ่ง “นี่คือเม็ดยาอสูรเหมันต์ป้องกินหมอกพิษได้ เจ้าควรพกติดตัวไว้ ยามเข้าสู่ป่าทมิฬ ใช้หนึ่งเม็ดต่อหนึ่งวันก็พอแล้ว”
กู้ซีจิ่วค่อยๆ เข้าใจขึ้นมาแล้ว ดูท่าหลงซื่อจื่อผู้นั้นคงเป็นคนขององค์รัชทายาทหรงเจียหลัว