Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 343

บทที่ 343

ตอนนี้เธอมีสัญชาตญาณระแวงผู้ชายไปแล้ว

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน ดูเหมือนหรงเจียหลัวจะนึกว่าเธอเจ็บช้ำระกำใจจากองค์ชายหรงเหยียน…

เพียงแต่ที่เขาพูดมาก็เหมือนจะสมเหตุสมผลอยู่บ้าง ตอนนี้เธอมีสัญชาตญาณระแวงผู้ชายไปแล้ว

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเธอในชาติก่อนหรือชาตินี้ ล้วนหมดอาลัยไยดีต่อเรื่องรักใคร่ทั้งหมดที่ได้พบแล้ว…

โดยเฉพาะความรักของบุรุษที่สับปลับไม่ธรรมดา! เปลี่ยนมาไร้เยื่อใยได้เหนือชั้นนัก! อย่างเช่นกู้เซี่ยเทียน หลงซี หรงเหยียน…

ดังนั้นเธอจึงไม่อยากพัวพันกับหนี้รักอันใดอีก ขอเพียงเธอเห็นว่าอีกฝ่ายมีวี่แววเช่นนั้น เธอก็จะตัดขาดโดยไม่ลังเลเลยสักนิด…

ดวงตาของหรงเจียหลัวฉายแววเศร้าสลดแวบหนึ่ง แต่ก็อำพรางไว้ได้อย่างรวดเร็ว เขากระแอมไอแล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ซีจิ่ว เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่ได้คิดเป็นอื่นกับเจ้า เห็นเจ้าเป็นเพียงสหาย เมื่อสหายมีทุกข์ย่อมต้องช่วยเหลือกัน ยิ่งไปกว่านั้นข้าสามารถช่วยเจ้าได้แค่สิ่งของนอกกายเหล่านี้ หากเจ้าทำใจรับไว้ไม่ได้ เช่นนั้นเมื่อเจ้าเข้าป่าทมิฬไปก็ช่วยข้าจัดการเรื่องหนึ่งได้หรือไม่?”

“เรื่องใด?”

“บนยอดเขาที่สองของป่าทมิฬมีสัตว์ร้ายเกราะเหล็กชนิดหนึ่งอยู่ หัวใจของสัตว์ร้ายนี้ใช้เป็นส่วนประกอบยาได้ เหมาะจะหลอมเป็นโอสถลํ้าค่าชนิดหนึ่งที่ช่วยเพิ่มพูนพลังยุทธ์ข้า เจ้าช่วยหามาให้ข้าสักดวงได้หรือไม่?”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ กู้ซีจิ่วจึงจำต้องตกปากรับคำ “ตกลงเพคะ!”

วงคิ้วของหรงเจียหลัวคลายออก คลี่ยิ้ม แล้วอธิบายวิธีใช้สมบัติลํ้าค่าเหล่านี้แก่เธอ

เมื่อเห็นเธอดูการสาธิตวิธีการใช้แต่ละชิ้นแล้ว ก็เก็บทั้งหมดใส่ถุงเก็บของแทนเธอ แล้วมอบให้ถึงมือในที่สุด

พอกู้ซีจิ่วเก็บไว้เรียบร้อย หรงเจียหลัวก็ชี้แจงเรื่องที่ควรระวังในป่าทมิฬให้เธอทราบอีก

กว่าจะพูดจบเวลาก็ล่วงเลยไปหนึ่งชั่วยามแล้ว

เดิมทีหรงเจียหลัวยังคิดจะไปกินอาหารเลิศรสที่ภัตตาคารกับนาง ทันใดนั้นก็พบว่าสีหน้าของกู้ซีจิ่วดูไม่ค่อยดีนัก ขาวซีดอย่างยิ่ง

“ซีจิ่ว เจ้าเป็นอะไร? สีหน้าย่ำแย่นัก” เขายื่นมือไปจับชีพจรเธอ

กู้ซีจิ่วชักมือหลบ ส่ายศีรษะ “ไม่เป็นไรเพคะ เหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้น”

“ไม่ได้บาดเจ็บจริงๆ ใช่ไหม?” หรงเจียหลัวยังไม่วางใจ

“ไม่ได้บาดเจ็บเพคะ มิใช่ว่าก่อนหน้านี้พระองค์เคยตรวจไปแล้วหรือ?”

“แต่สีหน้าเจ้าไม่ค่อยดีจริงๆ…เอาเถอะ เจ้ากลับไปพักผ่อนให้ดีก่อนเถอะ อย่าเพิ่งคิดเรื่องอื่นอีก” หรงเจียหลัวลุกขึ้น “ข้าจะไปส่งเจ้ากลับ”

กู้ซีจิ่วพยักหน้า ขณะที่กำลังลุกขึ้น ด้านนอกพลันมีเสียงเอะอะเล็กน้อยแว่วมา

ได้ยินเพียงเสียงเกรี้ยวกราดของสตรีนางหนึ่ง “หรงฉู่ ท่านอย่าได้คิดโป้ปดข้า! ระยะนี้ท่านใกล้ชิดกับอวิ๋นซิงหลัวผู้นั้นยิ่งนัก! ท่านไปรายงานตัวที่จวนนางทุกวัน ท่านคิดอะไรกับนางใช่ไหม? อยาก แต่งนางเป็นชายาท่านสินะ?”

“เหลวไหล เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?! ข้าไปหานางที่จวนด้วยรับสั่งของเสด็จพ่อ นางเป็นศิษย์ของสวรรค์เบื้องบน ทั้งยังเป็นแขกที่มาไกล เสด็จพ่อจึงส่งข้าไปเยี่ยมชมเมืองหลวงเป็นเพื่อน นางเท่านั้น” เสียงขององค์ชายหรงฉู่ดังขึ้น

“หึ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ คนที่ฝ่าบาทส่งไปคือองค์รัชทายาท ไม่ใช่ท่าน!” หญิงสาวนางนั้นกระฟัดกระเฟียด

กู้ซีจิ่วเหลือบมองหรงเจียหลัวที่อยู่ข้างกาย หรงเจียหลัวกระแอมไอคราหนึ่ง แต่ไม่กล่าวอันใด

“เจาเอ๋อร์”‘นี่เจ้าโวยวายอย่างไร้เหตุผลแล้วอีกแล้ว! เสด็จพ่อส่งพวกเราไปทั้งสองคน แต่ระยะนี้เสด็จพี่ของข้ากักตนฝึกฝนไม่ว่างไป จึงเหลือเพียงตัวข้าที่สามารถไปได้” องค์ชายหรงฉู่กล่าวเหตุผลอย่างเต็มปากเต็มคำ

“เหอะ อย่าคิดว่าข้าไม่ทราบแผนการของท่านนะ ตอนนี้ท่านชอบนางแล้วใช่ไหม? ข้าจะบอกท่านเอาไว้ สุดท่ายแล้วความคิดนี้ของท่านจะไม่มีทางสำเร็จ เพราะอวิ๋นซิงหลัวผู้นั้นเป็นบุปผาที่มีเจ้าของ แล้ว!”

องค์ชายหรงฉู่คล้ายหายใจติดขัด “นางหมั้นหมายแล้ว? กับผู้ใด? ตามที่ข้ารู้มา นางเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรเจาหยาง การสมรสของสตรีศักดิ์สิทธิ์มิใช่เรื่องง่ายๆ ข้าก็ไม่เคยได้ยินว่านางหมั้นหมายกับผู้อื่น”

“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!” หญิงสาวนางนั้นเอ่ยวาจาอันน่าตะลึงออกมา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version