บทที่ 344
ข่าวลือเกี่ยวกับเขา
“อะ…อะไรนะ? จะเป็นนางไปได้อย่างไร? นาง…” องค์ชายหรงฉู่พูดจาตะกุกตะกัก
“ท่านพูดว่าไม่ได้สนใจนาง! แต่วาจานี้ของท่านคือสนใจนางชัดๆ!” หญิงสาวนางนั้นเอ่ยขึ้น
นางยังเอะอะโวยวายต่ออีกหลายประโยค องค์ชายหรงฉู่อดทนเสียงโวยวายอยู่ตรงนั้น เห็นได้ชัดเจนยิ่งว่าองค์ชายหรงฉู่และหญิงสาวนางนั้นน่าจะลอบคบหากันอยู่ แล้วนางยังเป็นธิดาของอัครมหา เสนาบดีอีกด้วย…
กู้ซีจิ่วแอบรู้สึกว่าตนฟังอยู่มุมนี้ค่อนข้างไม่มีมารยาท จึงเตรียมจะเดินจากไป
ทันใดนั้นก็ได้ยินองค์ชายหรงฉู่ถามขึ้นอีกประโยค “เอาละ เจาเอ๋อร์ ข้าแค่สนใจใคร่รู้เท่านั้น สรุปแล้วนางหมั้นหมายกับผู้ใด?”
“ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย นางหมั้นกับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!” หญิงสาวผู้นั้นเอ่ยอีกรอบ เห็นได้ว่าเมื่อครู่มิใช่การพูดไปตามอารมณ์
องค์ชายหรงฉู่ชะงักค้าง
กู้ซีจิ่วที่อยู่ในห้องกุมถ้วยชาแน่นขึ้นเล็กน้อย เงาร่างของตี้ฝูอีแวบขึ้นมาเบื้องหน้า
คนผู้นั้นหมั้นหมายแล้ว?
เช่นนั้นสิ่งที่เรียกว่าสัญญาหมั้นหมายระหว่างตนกับเขาก็น่าจะเป็นโมฆะแล้วกระมัง?
แต่ว่า…จะเป็นไปได้หรือ?
ตี้ฝูอีที่เป็นโสดมาเนิ่นนานปานนั้นจะหวั่นไหวได้รวดเร็วเพียงนี้เชียว?
ไม่เพียงแต่กู้ซีจิ่วเท่านั้นที่ไม่เชื่อ องค์ชายหรงฉู่ที่อึ้งงันอยู่ด้านนอกก็ไม่เชื่อเช่นกัน “เป็นไปไม่ได้! ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมีสถานะเป็นกึ่งเทพแล้ว จะหวั่นไหวกับเด็กสาวที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นนํ้านมคนหนึ่งได้อย่างไร?!”
“นางเป็นถึงศิษย์ของสวรรค์เบื้องบน มีฐานะระดับเดียวกันกับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ทั้งคู่เหมาะสมกันยิ่งนัก”
“ข้าไม่เชื่อ! เจ้าไปได้ยินมาจากไหน?”
“ข่าวนี้แพร่ออกมาจากวังคํ้านภา…” หญิงสาวนางนั้นใส่ไฟต่อ “ข้ามีญาติคนหนึ่งเป็นสาวใช้ปัดกวาดอยู่ในวังคํ้านภา ข้าบังเอิญได้ยินนางกล่าวว่าวังคํ้านภากำลังตระเตรียมพิธีหมั้นหมายอยู่ พิธีนี้จะจัดขึ้นในอีกสิบวันให้หลัง…”
องค์ชายหรงฉู่พูดไม่ออก
หญิงสาวนางนั้นกล่าวต่อไป “ท่านลองตรองดูเถิด ผู้ที่สามารถทำให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหวั่นไหวสนอกสนใจจนคิดหมั้นหมายจะเป็นใครไปได้ล่ะ? ระยะนี้อวิ๋นซิงหลัวใกล้ชิดกับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ยิ่งนัก ข้าได้ยินว่ายามอวิ๋นซิงหลัวอยู่ที่อาณาจักรเจาหยาง นางออกไปผจญภัยที่ไหนสักแห่งแล้วหลงทาง ทั้งยังประสบกับเรื่องราวที่ร้ายแรงนัก เป็นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่ปรากฎตัวขึ้นทันกาล ช่วยเหลือนางออกมา ทั้งสองเดินทางไปด้วยกันย่อมเกิดความรัก ฐานะพวกเขาทัดเทียมกัน อีกทั้งชายยังไม่สมรสหญิงยังไม่ออกเรือน เรื่องการหมั้นหมายก็เป็นไปตามครรลอง…”
องค์ชายหรงฉู่เอ่ยขัด “เรื่องเหล่านี้เป็นเพียงการคาดเดาของเจ้า ยังไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องจริง แล้วข้าก็ไม่เคยได้ยินอวิ๋นซิงหลัวกล่าวถึงมาก่อน…”
“นางเป็นคุณหนูผู้ดีมีสกุล ย่อมไม่สะดวกจะกล่าวขึ้นก่อน เพียงแต่ในจวนนางก็มีข่าวลือออกมา บอกว่าอวิ๋นซิงหลัวกำลังจะมีเรื่องมงคล ท่านคิดดูสิ ในวังคํ้านภามีข่าวลือว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกำลังจะหมั้นหมาย ในจวนอวิ๋นซิงหลัวก็ลือกันว่านางกำลังจะมีเรื่องมงคล…หากมิใช่พวกเขาจะหมั้นหมายกัน จะประเหมาะพอดีถึงเพียงนี้ได้อย่างไร สอดคล้องกันทุกประการ!”
องค์ชายหรงฉู่เงียบงัน อัดอั้นอยู่ครู่หนึ่งถึงเอ่ยออกมา “ไม่ว่าอย่างไร เรื่องนี้ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ บางทีท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอาจจะต้องใจสตรีนางอื่นกระมัง? เจ้าก็รู้ ฮวาอู๋เหยียนเจ้าสำนักหยินหยางก็มีความสัมพันธ์ไม่เลวกับเขา ไม่แน่พวกเขาอาจจะร่วมบำเพ็ญคู่ก็ได้”
หญิงสาวนางนั้นหัวเราะคิกคัก “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายรู้จักกับเจ้าสำนักฮวามานานหลายสิบปีแล้ว หากทั้งสองชอบพอกันคงบำเพ็ญคู่กันไปนานแล้ว จะรอจนถึงตอนนี้หรือ? ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสำนักฮวากับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเหมือนจะขัดแย้งแตกแยกกันอยู่บ้าง หลายวันก่อนเจ้าสำนักฮวาไปเยี่ยมเยือนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย แต่กลับถูกปิดประตูใส่หน้า ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่ยอมพบนาง หลังจากนั้นไม่นานก็มีข่าวลือว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะหมั้นหมาย นี่ยังไม่ชัดเจนพอหรือว่าคนที่อยู่ในห้วงคิดเขาคือผู้อื่น? ท่านคิดดูเถอะ นอกจากอวิ๋นซิงหลัวแล้วยังเป็นใครไปได้? ช่วงนี้ผู้ที่เดินทางใกล้ชิดทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายล่ะเป็นใคร?”
“กู้ซีจิ่วผู้นั้นก็เคยสนิทสนมกับเขาอยู่พักหนึ่ง…” องค์ชายหรงฉู่พลั้งปากออกมา
สตรีผู้นั้นหัวเราะเยาะ “นางหรือ? ท่านตื่นเสียทีเถอะ! จะเป็นนางได้อย่างไร?! เด็กคนนั้นสิถึงจะปากยังไม่สิ้นกลิ่นนํ้านมของแท้ นางยังไม่ทันโตเลยด้วยซ้ำ!”