บทที่ 345
จะไปถือสาหาความกับพวกเขาทำไมเล่า
สตรีผู้นั้นหัวเราะเยาะ “นางหรือ? ท่านตื่นเสียที่เถอะ! จะเป็นนางได้อย่างไร?! เด็กคนนั้นสิถึงจะปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของแท้ นางยังไม่ทันโตเลยด้วยซ้ำ!
อีกอย่างรูปโฉมนางอัปลักษณ์ปานนั้น รอยปานนั่นคนเห็นก็สะอิดสะเอียนแล้ว แม้แต่คนอย่างองค์ชายหรงเหยียนยังไม่เหลียวแลนางเลย แล้วท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะแลได้อย่างไร? ท่านทูตสวรรค์ซ้ายออกหน้าให้นางที่แท่นเบิกสวรรค์ครานั้น และลงโทษคนเหล่านั้นเพียงเพราะเห็นแก่หน้าเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น มิได้มีเจตนาส่วนตัว
ว่ากันตามจริงแล้ว ถึงแม้เด็กคนนั้นจะเป็นศิษย์ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ แต่ข้าก็ไม่เห็นนางอยู่ในสายตา ถึงนางจะไม่ใช่สวะไร้ค่าแล้ว แต่ก็ฝึกฝนพลังวิญญาณได้แค่ขั้นสอง ไม่มีอะไรต่างกับคนทั่วไป ฝ่าบาทก็ถนอมนางไว้ดั่งสมบัติลํ้าค่า อีกอย่างสองวันให้หลังนางก็ต้องถูกโยนเข้าป่าทมิฬแล้ว อัตราการรอดชีวิตกลับมาน้อยมาก แล้วเรื่องที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเตรียมจะหมั้นหมายกับนางในอีกสิบวันให้หลังจะเป็นไปได้อย่างไร? ไม่ใช่นางอย่างเด็ดขาด!”
หญิงสาวนางนั้นวิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผล
องค์ชายหรงฉู่นิ่งไปครู่หนึ่ง “ข้าย่อมทราบว่ามิใช่นาง…เสด็จพ่อผู้น่าชังยังคิดจับคู่ข้ากับนางอยู่เลย! ของที่หรงเหยียนไม่ต้องการ กลับคิดจะมายัดเยียดให้ข้า…”
“อะไรนะ?!” หญิงผู้นั้นหวีดร้องเสียงแหลม “ฝ่าบาหคิดจะให้ท่านแต่งกับกู้ซีจิ่วหรือ?!”
“อย่าพูด!” องค์ชายหรงฉู่กล่าว “ข้าไม่มีทางตกลงหรอก! เหอะ เสด็จพ่อทรงลำเอียง อยากจับคู่หรงเจียหลัวกับอวิ๋นซิงหลัว แต่กลับอยากให้ข้าแต่งกับนังอัปลักษณ์คนนั้น!”
“ฝ่าบาท…ฝ่าบาททรงตรัสไว้เมื่อใด?” นํ้าเสียงหญิงสาวนางนั้นสั่นเครือ
“ฝ่าบาทมิได้กล่าวอย่างชัดเจน เพียงแต่ข้ารู้สึกว่าท่านมีความคิดเช่นนี้ ตรัสถึงความดีของนังเด็กคนนั้นต่อหน้าข้าเป็นประจำ แล้วยังให้ข้าคบค้าสมาคมกับนางให้มากหน่อย…”
“แล้วท่านได้คบค้ากับนางหรือไม่?” หญิงสาวผู้นั้นยังไม่วางใจ
“แน่นอนว่าไม่! หลังจากแท่นเบิกสวรรค์ครานั้น ข้าก็ไม่ได้พบนางอีกเลย อีกอย่างแม่เด็กคนนั้นกักตนฝึกยุทธ์อยู่ตลอด มีแค่ไม่ก็คนที่เคยเห็นนางออกมา”
ทั้งสองคนพูดคุยกัน บางครั้งก็มีเสียงทะเลาะกันขึ้นมาอีก แล้วจึง ค่อยๆ ห่างออกไป เห็นได้ชัดว่าจากไปแล้ว
องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวมองกู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว เมื่อกี้ทำไมไม่ให้ข้าออกไป?”
ยามที่สองคนนั้นพูดจาดูถูกเหยียดหยามกู้ซีจิ่วตั้งมากมาย เขาก็อยากไปสั่งสอนพวกนั้นแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าจะถูกกู้ซีจิ่วที่เป็นคู่กรณีดึงไว้
กู้ซีจิ่วคลี่ยิ้ม “จะไปถือสาหาความกับพวกเขาทำไมเล่า?”
หรงเจียหลัวถอนหายใจ “ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าโดนดูถูกเท่านั้น…”
“ขอบพระทัยเพคะ” กู้ซีจิ่วยกชาขึ้นดื่มอึกหนึ่ง นั่งไตร่ตรองอยู่ตรงนั้น
“ซีจิ่ว เจ้าไม่จำเป็นต้องเก็บคำพูดของพวกเขามาใส่ใจ…” หรงเจียหลัวนึกว่านางถูกถ้อยคำของสองคนนั่นโจมตีเข้าแล้ว จึงอดเอ่ยปากปลอบโยนไม่ได้
“แค่เสียงเห่าหอนของสุนัขสองเสียงเท่านั้น หม่อมฉันย่อมไม่เก็บมาใส่ใจ ใช่แล้ว วาจาเมื่อครู่ขององค์ชายหรงฉู่เป็นความจริงหรือไม่? เสด็จพ่อของพระองค์เจตนาจะเป็นพ่อสื่อให้หม่อมฉันกับเขาหรือ?”
หรงเจียหลัวกำมือแน่นภายในแขนเสื้อ “เรื่องนี้…”
“หม่อมฉันอยากฟังความจริงเพคะ องค์รัชทายาท”
“เสด็จพ่อมีความคิดเช่นนี้จริงๆ มีอยู่วันหนึ่งท่านเอ่ยกับข้าโดยไม่ได้ตั้งใจว่าเจ้ากับน้องสิบสองเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่เขาก็ไม่อยากผิดสัญญาที่ให้กับมารดาเจ้าไว้แต่หนหลัง ต้องการให้เจ้าเป็นสะใภ้ ราชวงศ์ทั้งยังบอกว่าเจ้าเป็นศิษย์เทพศักดิ์สิทธิ์ ต้องหาองค์ชายสูงศักดิ์ที่คู่ควรกับเจ้า เขา…จึงเลือกหรงฉู่”
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วแต่ไม่กล่าวอันใด
จักรพรรดิซวนส่งเทียบเชิญมาให้เธอ บอกว่าวันมะรืนจะจัดงานเลี้ยงในวังเพื่อเลี้ยงส่ง หรือว่ายังมีเจตนาอื่นด้วย?
อยากจับคู่ให้เธอกับเศษเดนอย่างองค์ชายหรงฉู่ผู้นั้นรึ?
มีความเป็นไปได้อยู่จริงๆ ถึงอย่างไรจักรพรรดิซวนก็ชมชอบผู้มีความสามารถ ผู้ที่แปะยี่ห้อว่าลูกศิษย์เทพศักดิ์สิทธิ์ตัวเป็นๆ เขา ย่อมอยากรับเข้าราชวงศ์เป็นแน่
หนำซ้ำกู้เซี่ยเทียนบิดาราคาถูกผู้นั้นของเธอก็เป็นพวกเดียวกับองค์ชายหรงฉู่ด้วย รับประกันไม่ได้ว่าจะไม่เออออตามน้ำไปกับจักรพรรดิซวน…