Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 351

บทที่ 351

ให้คุณหนูซีจิ่วนั่งข้างกายลูกดีไหม

แต่พรรคพวกฝ่ายองค์ชายสี่กลับหัวเราะ “องค์รัชทายาทช่างมารยาทดีนัก! เสียแต่เมื่อถึงเวลาบุปผาริมทางมาอยู่ข้างกาย เกรงว่าองค์รัชทายาทผู้เปี่ยมมารยาทจะสิ้นความอยากอาหารเอา”

นี่เป็นการเอ่ยกรายๆ ว่ากู้ซีจิ่วอัปลักษณ์!

กู้เซี่ยเทียนฟังแล้วไม่รื่นหูนัก เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ท่านระวังคำพูดบ้างเถิด ครึ่งปีมานี้บุตรสาวข้าเปลี่ยนไปราวกับถอดร่างผลัดกระดูก…”

บางคนอดเย้ยหยันไม่ได้ “แม่ทัพกู้ ให้ข้าพูดความจริงเถอะ ถึงบุตรสาวของท่านมีความสามารถ เรื่องนี้ทุกคนล้วนยอมรับ แต่เรื่องรูปโฉมนั้น เหอะๆ!”

มีคนถามองค์ชายหรงเช่อที่ร่ำลือกันว่าครึ่งปีมานี้ ไปมาหาสู่กับกู้ซีจิ่วอย่างสมิทชิดเชื้อ “องค์ชายแปดน่าจะได้พบคุณหนูกู้เมื่อเร็วๆ นี้ใช่ไหมพะย่ะค่ะ? นางถอดร่างผลัดกระดูกหรือไม่พะย่ะค่ะ?”

องค์ชายหรงเช่อยิ้มมิเชิงยิ้ม ไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ “นางถอดร่างผลัดกระดูกหรือไม่ รอนางมาถึงก็จะรู้เอง เหตุใดต้องถกเถียงเรื่องนี้กันยามนี้ด้วย?”

ขณะที่พูดอยู่ ด้านนอกพลันมีผู้กล่าวรายงาน “คุณหนูหกกู้ศิษย์เทพศักดิ์สิทธิ์มาถึงแล้ว”

ในที่สุดตัวเอกก็มา!

สายตานับไม่ถ้วนมองไปทางประตูอย่างพร้อมเพรียง

ภายใด้การนำทางของนางกำนัล ดรุณีน้อยนางหนึ่งเยื้องย่างเข้ามา

ต่อจากนั้น ฝูงชนต่างตกตะลึง!

ดรุณีน้อยนางนั้นสวมชุดกระโปรงสีเขียวอมฟ้า เรือนร่างสูงระหง ทรวดทรงอ่อนช้อย คิ้วเรียวบางดำขลับ หางนัยน์ตาหงส์เฉี่ยวขึ้นเล็กน้อย ดวงเนตรดำสนิทดุจทะเลสาบ แฝงความเยือกเย็นไว้รางๆ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากได้รูปงดงาม แดงระเรื่อดุจแต้มชาด ยามเม้มปากนิดๆ สีสันจะอ่อนลงเล็กน้อย

นางปล่อยผมดำขลับลงมากึ่งหนึ่ง ทอดยาวระเอว หน้าผากสวมสร้อยคาดประดับไพลินเส้นหนึ่ง กำลังทอแสงเลือนราง

บนร่างนางแฝงกลิ่นอายเย็นชาเอาไว้เบาบาง ดุจภาพวาดหมอกฝนที่เจียงหนาน ทำให้ห้องโถงที่แต่เดิมเร่าร้อนคึกคักเย็นลงในชั่วพริบตา

นางงดงามมาก! งามจนไม่เหมือนมนุษย์ปุถุชน!

และนางก็เยือกเย็น เยือกเย็นเหมือนยอดกระบี่ที่ซ่อนคมไว้ในฝัก!

ในบรรดาหญิงสาวที่อยู่ที่นี่ เดิมทีหลานเจาเอ๋อร์ธิดาท่านอัครมหาเสนาบดีงดงามที่สุด แต่พอหญิงนางนี้เข้ามา เมื่อมองอีกทีหลานเจาเอ๋อร์ก็กลายเป็นดาษดื่นนัก!

นี่คือกู้ซีจิ่วหรือ? กู้ซีจิ่วที่ถูกขนานนามว่าตัวอัปลักษณ์ผู้นั้นน่ะหรือ?!

มะ…ไม่ใช่กระมัง?

ไม่ได้พบกันเพียงครึ่งปี นางเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ไปแล้ว?!

บางคนอดจะมองไปทางด้านหลังของนางไม่ได้ มองว่าตัวจริงยังมิได้ตามหลังนางเข้ามาใช่หรือไม่

แต่บางคนตาแหลม พบว่าเครื่องหน้าของเด็กสาวผู้นี้คล้ายคลึงกับสาวน้อยที่ถูกทดสอบบนแท่นเบิกสวรรค์ในตอนนั้นอย่างยิ่ง ทั้งยังมีผู้ที่สายตาเฉียบแหลมมองเห็นว่าปานบนหน้าผากของนางยังคงมีสี อยู่เล็กน้อย เพียงแต่ถ้าไม่สังเกตให้ละเอียดก็ไม่มีทางมองเห็น

เมื่อตกเป็นเป้าสายตาของฝูงชน กู้ซีจิ่วกลับสายตาไม่ล่อกแล่ก เดินไปยังจุดศูนย์กลาง ทำความเคารพผู้ที่อยู่ด้านหน้า “ฝ่าบาท ซีจิ่วมาสาย มีความผิดใหญ่หลวง”

เธอเป็นศิษย์เทพศักดิ์สิทธิ์ ไม่จำเป็นต้องทำความเคารพองค์จักรพรรดิแบบสามกราบคำนับเก้า แค่ทำความเคารพแบบธรรมดาก็พอ

ดวงตาจักรพรรดิซวนทอประกาย สายตาฉายแววซับซ้อนวูบผ่าน

บัดนี้กู้ซีจิ่วเป็นดั่งหยกชิ้นงาม ขัดเกลาเปลือกหินอันขรุขระออกไปแล้ว เผยประกายแวววาวออกมา ทำให้คนแทบจะละสายตาไปไม่ได้

นางถอดร่างผลัดกระดูกเสียที่ไหน เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยชัดๆ!

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ รูปโฉมของนางคล้ายคลึงกับหลัวซิงหลานในสมัยก่อนถึงสี่ห้าส่วน โดยเฉพาะเครื่องหน้าที่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว!

จักรพรรดิซวนก็ไว้หน้านางยิ่งนัก “ไม่นับว่าสาย ทันเวลาพอดี”

นางมาถึงทันเวลาจริงๆ แทบจะเข้ามาตรงเวลาด้วยซ้ำ

“ซีจิ่ว ที่ของเจ้า…” จักรพรรดิซวนกำลังจะเลือกที่นั่งตำแหน่งดีๆ ให้กู้ซีจิ่ว จู่ๆ องค์ชายหรงฉู่ก็ลุกพรวดขึ้นมา “เสด็จพ่อ ให้คุณหนูซีจิ่วนั่งข้างกายลูกดีไหมพะย่ะค่ะ?”

ฝูงชนบื้อใบ้กันไปหมด

บางคนหน้าเปลี่ยนสีไปแล้ว โดยเฉพาะหลานเจาเอ๋อร์ที่อยู่ใกล้ๆ กับองค์ชายหรงฉู่ สีหน้าไม่น่ามองยิ่งนัก!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version