Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 366

บทที่ 366

เด็กสาวที่เขาเรียกขานเช่นนี้มีมากน้อยเพียงใดแล้ว?

นบตั้งแต่ทั้งสองได้พบกันอีกครั้ง นี้เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกเธอว่า เด็กน้อย…

เมื่อก่อนพอได้ยินเขาเรียกเช่นนี้เธอจะทั้งฉุนทั้งขำ แต่ภายหลังอาจเป็นเพราะเคยชินแล้วเลยรับได้ แถมทุกครั้งที่ได้บินเขาเรียก ในใจจะมีความอบอุ่นบางๆ ที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกอยู่

เพียงแต่สุดท้ายแล้วกาลเวลาคือมีดสังหารหมู[1] ระยะเวลา 6 เดือนได้เจือจางความอบอุ่นอันเลือนรางนั้นไป

พอได้ยินเขาเรียกเธอเช่นนี้อีกครั้ง เธอก็ไม่รู้สึกอบอุ่นอีกแล้ว ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในใจคือ เด็กสาวที่เขาเรียกขานเช่นนี้มีมากน้อยเพียงใดแล้ว?

จากนั้นความอบอุ่นแต่หนหลังก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา

หลังจากจักรพรรดิซวนกล่าวว่าต้องการมอบสมรสพระราชหานให้เธอ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ก็สงบนิ่งอย่างยิ่งมาโดยตลอด เขาถึงขั้นสั่งให้เธอรินสุราจอกหนึ่งแล้วนั่งสังเกตการณ์อยู่ตรงนั้นอย่างสนอกสนใจมาก มองดูเหล่าขุนนางไล่ต้อนกันอยู่ตรงนั้น…

บัดนี้จู่ๆ ก็พูดประโยคนี้กับเธอ กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าเขาล้อเลียนเธออยู่ มุมปากของเธอยกขึ้นนิดๆ ตอบกลับไปว่า “ชมเกินไปแล้ว” จากนั้นสายตาก็หยุดที่ดวงหน้าขององค์รัชทายาทหรงเจียหลัว รอเขาส่ง สัญญาณลับให้เธอ แล้วเธอค่อยเปิดปากเอ่ย

เธอจึงไม่ทราบว่าแววตาของตี้ฝูอีที่อยู่ข้างๆ มืดสลัวลง เขาหมุนจอกสุราในมือ สายตาลึกลํ้า ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

จักรพรรดิซวนก็คิดไม่ถึงว่าวาจามอบสมรสพระราชทานของเขาจะทำให้คนสองกลุ่มจิกตีกันเหมือนไก่ชน หลังจากฟังอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดก็ยกมือขึ้น “หยุด! หุบปากให้หมด เราจะตัดสินเอง”

ขุนนางทั้งสองฝ่ายจึงสงบปาก มองจักรพรรดิซวนเป็นตาเดียว รอผลการตัดสินของเขา

จักรพรรดิซวนมองไปที่กู้ซีจิ่ว กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “จิ่วเอ๋อร์’’ เจ้าคิดเห็นประการใด?”

จะให้เธอเลือกด้วยตัวเองหรือ?

ฝูงชนต่างเงยหน้าจ้องมองกู้ซีจิ่วเป็นตาเดียวกัน เธอมององค์รัชทายาทหรงเจียหลัวก่อนแวบหนึ่ง หรงเจียหลัวพยักหน้าเล็กน้อย พลางยิ้มให้กำลังใจเธอ

ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงตัดสินใจกล่าวว่า “ถ้าฝ่าบาทต้องการประทานสมรสให้ซีจิ่วจริงๆ ซีจิ่วหวังว่าจะได้สมรสกับองค์รัชทายาทเพคะ…”

หินหนึ่งก้อนสะท้อนพันระลอกคลื่น!

พรรคพวกฝ่ายองค์รัชทายาทยินดีจนแทบคลั่ง พรรคพวกฝ่ายองค์ชายสี่ที่ผิดหวังหันไปเพ่งเล็งกู้เซี่ยเทียน พากันกล่าวทำนองว่า ‘ตั้งแต่โบราณมาการสมรสของบุตรธิดา บุพการีล้วนเป็นผู้กำหนด บุตรธิดาจะกำหนดคู่สมรสด้วยตัวเองได้อย่างไรกัน? เรื่องนี้ต้องให้กู้เซี่ยเทียนเป็นผู้ตัดสิน ถึงอย่างไรเขาก็เป็นบิดาของคุณหนูกู้…’

อันที่จริงกู้เซี่ยเทียนค่อนข้างห่อเหี่ยวมาโดยตลอด ระยะนี้บุตรสาวคนนี้ของเขาไม่ไว้หน้าเขายิ่งนัก เขาจึงหวั่นเกรงนางอยู่บ้าง

แต่ยามนี้เรื่องราวเกี่ยวพันถึงฝักฝ่ายในอนาคต เขาเลยหยิบมาดผู้อาวุโสที่น่าเกรงขามออกมา ฝืนใจเอ่ยว่า “ฝ่าบาท องค์รัชทายาท ให้ความสำคัญแก่บุตรสาวกระหม่อม ทำให้กระหม่อมซาบซึ้งตื้นตันเป็นอย่างยิ่ง แต่บุตรสาวของกระหม่อมหยาบกระด้าง เกรงว่าจะเป็นชายารัชทายาทไม่ได้ แล้วนางยังมีนิสัยแก่นแก้ว เกรงว่าจะไม่คู่ควรกับองค์รัชทายาท…”

จักรพรรดิซวนตัดบทเขา “ความหมายของเจ้าคือ อยากยกบุตรสาวให้ฉู่เอ๋อร์ใช่หรือไม่?”

กู้เซี่ยเทียนตัดสินใจกล่าวว่า “พะย่ะค่ะ! หากฝ่าบาทส่งเสริมการหมั้นหมายครั้งนี้แก่บุตรสาวกระหม่อมได้ เช่นนั้นชั่วชีวิตของบุตรสาวกระหม่อมก็มีที่พึ่งแล้ว กระหม่อมย่อมซาบซึ้งในพระ เมตตาอย่างยิ่ง…”

จักรพรรดิซวนใคร่ครวญอยู่ “นี่…”

เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิซวนต้องการผลักเรือตามน้ำ องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวก็ก้าวขึ้นมาเบื้องหน้า “เสด็จพ่อ ขอกราบทูลเสด็จพ่ออย่างไม่ปิดบัง เมื่อสองเดือนก่อนลูกกับซีจิ่วได้ผูกสัมพันธ์รักกันแล้ว ลูกได้มอบกำไลหทัยวิญญาณให้นางเป็นของแทนใจ ชั่วชีวิตของลูกหากมิใช่นางก็จะไม่แต่งพะย่ะค่ะ นางเองหากมิใช่ลูกก็จะไม่ออกเรือนเช่นกัน…”

การแสดงฉากนี้ของเขาทำเอากู้ซีจิ่วสั่นสะท้าน แต่ยามนี้เกาทัณฑ์น้าวสายแล้ว ยังไงเธอก็ต้องยิง!

จักรพรรดิซวนขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปทางกู้ซีจิ่ว “จิ่วเอ๋อร์ ที่เขาพูดเป็นความจริงหรือ? กำไลหทัยวิญญาณอยู่กับเจ้ารึ?”

กู้ซีจิ่วตอบว่า “เพคะ!” แล้วจึงหยิบกำไลวงนั้นออกมาจากช่องมิติของหยกนภา ชูขึ้นมาให้ประจักษ์ “ฝ่าบาท นี่คือกำไลหทัยวิญญาณเพคะ…”

กำไลวงนั้นสะดุดตาอย่างยิ่ง สามารถกล่าวได้ว่าโดดเด่นดั่งแมงป่องชูหางอวดอ้างฤทธี

…………………

[1] กาลเวลาคือมีดสังหารหมู หมายถึง เวลาเปลี่ยนแปลง คนเราก็เปลี่ยนไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version