Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 868

Lamnambubpapit

บทที่ 868 ดูเหมือนจะห่างไกลจากเขายิ่งกว่าเดิม

ตี้ฝูอีพยักหน้านิดๆ มองสีหน้านางแวบหนึ่ง ดูเหมือนจะดูดีกว่ายามสายขึ้นมาหน่อย ไม่ซีดเซียวขนาดนั้นอีกแล้ว

“ที่ข้ามาประการแรกคือ มาควบคุมเจ้า ประการที่สองคือเสริมเรียนคาบที่แล้วให้เจ้า คาบที่แล้วเจ้าไม่มา คิดว่าน่าจะเข้าใจเนื้อหาไม่ครอบคลุม…” ตี้ฝูอีเอ่ยขึ้น

“ขอบคุณมาก ลำบากท่านแล้ว” กู้ซีจิ่วเอ่ยขอบคุณ ทำความเคารพตามมารยาทอีกครั้ง

ตี้ฝูอีเงียบไป

เขาอ้าปากขึ้น คล้ายว่าจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา เปลี่ยนคำพูดกะทันหัน “พวกเราเริ่มกันเถอะ”

ตี้ฝูอีไม่ได้นำเนื้อหาบรรยายอะไรมา แต่เริ่มบรรยายเนื้อหาในคาบที่แล้วพวกนั้นให้เธอโดยตรง เขาจดจำได้ชัดเจนและละเอียดนัก ถึงขั้นนำเนื้อหาเหล่านั้นมาวิเคราะห์ในใจอย่าละเอียดอีกรอบ พยายามทำให้เข้าใจได้ง่ายๆ ทำให้เธอฟังรอบเดียวก็เข้าใจได้

กู้ซีจิ่วก็ตั้งใจฟังมากเช่นกัน สติปัญญาของเธอลํ้าเลิศยิ่ง ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ เธอสามารถระงับอารมณ์ด้านลบทั้งหมดไว้ได้ จิตใจจดจ่ออยู่กับเรื่องราวนี้โดยเฉพาะ

ตี้ฝูอีเตรียมที่นั่งไว้แล้ว ถึงขั้นเตรียมกระดาษกับพู่กันไว้ให้เธอด้วย ให้เธอจดบันทึกได้สะดวก

เมื่อบรรยายเนื้อหาทั้งหมดในคาบก่อนจบ เขาก็มองเธอแล้วเอ่ยถาม “ฟังทั้งหมดเข้าใจหรือไม่? มีจุดไหนที่ไม่เข้าใจหรือเปล่า?”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “เข้าใจทั้งสิ้นเจ้าค่ะ”

เธออ่านบันทึกของจิ้งจอกน้อยแล้วมีจุดไม่เข้าใจอยู่บ้างจริงๆ แต่พอเรียนเสริมครั้งนี้เธอก็เจาะจงฟังเนื้อหาส่วนนั้นเป็นพิเศษ ย่อมเข้าใจแล้ว

และเข้าใจยิ่งกว่าเดิมว่าเนื้อหาในคาบที่แล้วมีความสำคัญต่อการประยุกต์ใช้วิชาเหินหาวในครั้งนี้

เมื่อเช้า เธอจดจำบทเรียนคาบที่แล้วเข้าไปทั้งดุ้นโดยที่ไม่เข้าใจก็ยังสามารถเหาะได้สูงถึงเพียงนั้น!

กู้ซีจิ่วก็นับถือตัวเองในยามนั้นแล้วเช่นกัน!

“กู้ซีจิ่วเจ้าสามารถทำความเข้าใจอยู่ข้างล่างก่อนสักหน่อยได้ แล้วค่อยหาทางเหาะขึ้นไป เจ้าฝึกฝนดูก่อน ข้าจะดูว่าผิดตรงไหนไหม…” ตี้ฝูอีนั่งลงบนศิลาเขียวก้อนหนึ่ง มองเธอด้วยสายตาวาววาม

กู้ซีจิ่วก็มิได้พูดเป็นอื่น ตอบรับอีกครา “เจ้าค่ะ”

ด้วยเหตุนี้จึงเริ่มจัดแจงท่าทางอยู่ตรงนั้น…

ใช้วิธีโคจรพลังยุทธ์ทั้งหมดในเส้นปราณตามที่เขาบอกก่อน จากนั้นก็รวบรวมพลังวิญญาณที่จำเป็นต่อวิชาเหินหาวไว้ที่แขนขาทั้งสี่…

เธอไม่ได้พักผ่อนมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ประกอบกับเช้าวันนี้หักโหมฝึกฝนอย่างหนัก พอเธอใช้วิธีโคจรพลังนนี้เช่นนี้ก็รู้สึกเพียงว่าแขนขาทั้งสี่ปวดร้าวไปทุกจุด ทำให้เธอเหงื่อตกทันที

สีหน้าตี้ฝูอีแปรเปลี่ยนนิดๆ ตรงเข้าไปหา กุมข้อมือข้างหนึ่งของเธอไว้ “หยุด!”

กู้ซีจิ่วที่ฝืนโคจรพลังยุทธ์อยู่ พอได้ยินวาจานี้ของเขาก็ลืมตาขึ้น ชักข้อมือกลับทันที ถอยหลังไปสองก้าว “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ท่านจะทำอะไร?”

ตี้ฝูอีมองดูนาง นางประเดี๋ยวก็เรียกว่า ‘ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย’ บ้าง ประเดี๋ยวก็เรียกว่า ‘ท่าน’ บ้าง ราวกับจะแบ่งแยกระหว่างนางกับเขา

ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดไปเสียแล้ว

ตามวิธีที่มู่อวิ๋นบอกยามนี้นางควรจะมีท่าทีคับข้องหมองใจอย่างยิ่ง ใช้อารมณ์กับเขา ทะเลาะกับเขา ไม่แน่อาจจะโมโหจนร้องไห้ออกมา ถ้าสุดท้ายแล้วหัวใจนางมีเขาอยู่ ขอเพียงเขาค่อยๆ เกลี้ยกล่อมไปเรื่อยๆ นางก็จะเปลี่ยนมุมมองใหม่…

แต่ยามนี้ นางไม่ร้องไห้ ไม่ทะเลาะ ยังสงบนิ่งยิ่งนักอยู่ตลอด แต่ในใจกลับคล้ายตัดสินใจอะไรได้แล้ว ทำให้เขาค่อนข้างร้อนรนอยู่บ้าง ในใจนางมีเขาอยู่ เขาทราบดี

นางจำเป็นต้องมีแรงกระตุ้นครั้งใหญ่ถึงจะทำให้นางรับรู้ความรู้สึกตัวเองได้ชัดเจน ยามนี้แรงกระตุ้นครั้งใหญ่ก็มีแล้ว แต่นางดูเหมือนจะห่างไกลจากเขายิ่งกว่าเดิม…

เขามองนาง เอ่ยถามออกไป “เมื่อคืนเจ้า…”

เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่านางกลับมาเร็วกว่าเขา เหตุใดถึงไม่ได้นอนทั้งคืนเล่า?

กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าเขาค่อนข้างสับสนว้าวุ่น จึงเลิกคิ้วมองเขา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version