Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 38

บทที่ 38

ในที่สุดเจ้าก็ยอมออกมาเสียที

องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวไว้หน้าองค์ชายหรงเช่อยิ่งนัก องค์ชายหรงเหยียนคุกเข่าทำความเคารพนานถึงเพียงนั้นเขาก็ไม่ออกมา แต่พอองค์ชายหรงเช่อผู้นี้ปรากฏกาย เขาก็ออกมาหาทันที แล้วยื่นมือไปพยุงองค์ชายหรงเช่อที่ทำความเคารพเขาอยู่ให้ลุกขึ้น “น้องแปด ในที่สุดเจ้าก็ยอมออกมาเสียที”

องค์รช่ทายาทหรงเจียหลัวมาถึงก่อนองค์ชายหรงเช่อ ย่อมมองเห็นตอนที่เขาและกู้ซีจิ่วมาถึง เพียงแต่ไม่ได้สั่งให้คนไปทักทายเท่านั้นเอง

เห็นได้ชัดว่าองค์รัชทายางหรงเจียหลัวและองค์ชายหรงเช่อสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง การพูดคุยก็ค่อนข้างเป็นกันเอง สองพี่น้องทักทายกันอยู่หลายประโยค ปล่อยองค์ชายหรงเหยียนรวมถึงสองสาวพี่น้องสกุลกู้ทิ้งไว้ตรงนั้น

ถึงอย่างไรกู้เทียนอีก็อายุยังน้อย ความคิดความอ่านก็ค่อนข้างตื้นเขิน นางและพี่สาวคุกเข่าก้มหัวทำความเคารพอยู่ตรงนั้นมาโดยตลอด ในฐานะราษฎร แม้พวกนางได้พบรัชทายาท ทว่าหากไม่ได้รับอนุญาตก็ไม่อาจ

เงยขึ้นมองได้ แต่ต้องก้มหน้าอยู่ตรงนั้นตลอดนางเจ็บหัวเข่านัก ภาย ในใจก็รู้สึกไม่พอใจ จึงกระแอมไอออกมาอย่างอดไม่ไหว เพื่อเป็นการเตือนความจำ

องครัชทายาทหรงเจียหลัวดูเหมือนจะนึกถึงพวกเขาขึ้นมาได้ เขาปรายตามองสองพี่น้องที่คุกเข่าอยู่ มุมปากคล้ายยิ้มแต่ก็ไม่เชิงยิ้ม “ที่แท้เป็นคุณหนูใหญ่และคุณหนูกู้ห้า”

จากนั้นเหลือบมองหรงเหยียนต่อ “ซีอ๋องคิดจะหลอกลวงเปิ่นกงหรือ?”

ใบหน้าหล่อเหลาขององค์ชายหรงเหยียนทั้งเขียวคลํ้าทั้งซีดขาวสลับกันไปมา พูดอยู่ไม่ขาดปากว่า “มิกล้าๆ”

เขาขาดไหวพริบปฏิภาณมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยามนี้ สมองจึงว่างเปล่าขาวโพลนคิดหาเหตุผลแก้ตัวไม่ออก ยังคงเป็นกู้เทียนฉิงลอบวางแผนอยู่ในใจสักครู่ แล้วกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล “ขอประทานอภัยเพคะองค์รัชทายาท เดิมทีพวกเราพี่น้องนัดกันออกมาเที่ยวเล่น บังเอิญพบกับองค์ชายสิบสองบนถนน องค์ชายสิบสองเกรงว่าพวกเราพี่น้องไม่มีคนดูแลอาจถูกเอาเปรียบได้ ดังนั้นจึงตามดูแลมาตลอดทาง เมื่อผ่านเส้นทางนี้ น้องห้าเกิดอยากเข้ามาชมความครึกครื้น หม่อมฉันและองค์ชายสิบสองขัดใจนางไม่ได้ ก็เลยเข้ามาด้วยกัน…”

องค์ชายหรงเหยียนเมื่อถูกชี้ทางแล้วจึงรีบพยักหน้ารัวๆ

“จริงพะย่ะค่ะ…เป็นเช่นนี้จริงๆ”

เหตุผลนี้ฟังขึ้นนัก ทั้งยังรัดกุมมากด้วย หากว่าองค์ชายหรงเหยียนอธิบายเช่นนี้ตั้งแต่ต้น ไม่แน่ว่าอาจมีคนเชื่อบ้าง ทว่าในยามนี้…

องค์ชายหรงเช่อเคาะพัดที่อยู่ในมือเล่น ยิ้มหัวพลางเอ่ย “ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง สาเหตุนี้ไม่นับว่าร้ายแรงอะไร แต่เหตุใดน้องสิบสองต้องอํ้าๆ อึ้งๆ ถึงเพียงนั้นด้วยเล่า? ดูราวกับผู้มีชนักปักหลัง”

องค์ชายหรงเหยียนบื้อใบ้ไป ชั่วขณะนั้นเขาอยากเตะพี่แปดผู้จ้องจะเปิดโปงเขาให้กระเด็นไปเสียจริง เพียงแค่ได้เห็นองค์รัชทายาทเขาก็ลนลานมากทั้งยัง ตื่นเต้นยิ่งสมองเบลอไปหมด ไม่ได้ฟังคำถามขององค์รัชทายาทให้ชัดเจน เป็นเหตุให้ตอบผิดและเอ่ยวาจาหลอกลวงเช่นนั้นออกไป

แต่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์แทบทุกคนล้วนฉลาดเฉียบแหลม คำโกหกนี้ขององค์ชายหรงเหยียนย่อมไม่มีใครเชื่ออยู่แล้ว

องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวยิ่งไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้เปิดโปง หลังจากเขาเหลือบมององค์ชายหรงเหยียนอย่างเย็นชา ก็หันหลังจะกลับเข้าห้อง “ซีอ๋องตามสบายเถอะ เจ้าแปดตามเรามาสิ”

เหตุการณ์วุ่นวายจึงจบลงเช่นนี้ ถึงแม้องค์ชายหรงเหยียนจะรู้สึกกระอักกระอ่วน แต่เขาก็เป็นคนหน้าบาง จึงเตรียมจะพาสองสาวตระกูลกู้จากไป ทว่าด้านล่างที่แต่เดิมเต็มไปด้วยเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวจู่ๆ ก็พลันเงียบสงัดลง

กู้ซีจิ่วใจเต้นขึ้นมา เกาะราวกั้นไว้แล้วมองไปที่ด้านล่าง เห็นเหล่าเด็กหนุ่มในชุดสีเขียวครามกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้ามา

เด็กหนุ่มเหล่านั้นดูๆ ไปแล้วล้วนมีอายุราวสิบเอ็ดสิบสองปี เส้นผมสีดำขลับมวยเป็นจุก บนศีรษะปักปิ่นไม้ไผ่เอาไว้ ทุกๆ คนต่างมีหน้าตางดงามทั้งสิ้น ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือรูปร่างของพวกเขาล้วนต่างกันไม่มากนัก อีกทั้งการเคลื่อนไหวก็เป็นระเบียบเรียบร้อยและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันยิ่ง ระหว่างที่เคลื่อนไหวนั้นชุดสีฟ้าครามก็สะบัดไหวไปมา ราวกับเหยียบอยู่บนยอดคลื่นก็ไม่ปาน ดูแล้วเจริญหูเจริญตาอย่างยิ่ง มีกลิ่นหอมจางๆ ของยา ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ทำให้คนรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย

“เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักถามสวรรค์..”

“สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักถามสวรรค์มาแล้ว!” คนที่อยู่ด้านล่างกระซิบกระซาบกันด้วยความตื่นเต้น

กู้ซีจิ่วมุ่นคิ้ว ต้องคารวะความทรงจำของร่างเดิมจริงๆ ที่นางยังรู้จักสตรีศักดิ์สิทธิ์จากสำนักถามสวรรค์ผู้นี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!