Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 387

บทที่ 387

เธออยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก 2

ตี้ฝูอีคร้านจะอธิบายแก่นาง สะบัดแขนเสื้อพรึ่บ ถุงเก็บของที่กู้ซีจิ่วกุมไว้แน่นก็ไปอยู่ในมือเขาแล้ว

กู้ซีจิ่วพูดอะไรไม่ออก มองเขาอย่างความประหม่ายิ่งนัก

ตี้ฝูอีเปิดถุงเก็บของของนาง มองขางในแวบหนึ่ง แล้วใช้มือคุ้ยเขี่ยอยู่สองสามที ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันนิดๆ

อวิ๋นซิงหลัวสนใจใคร่รู้นัก “ซีจิ่วพกอะไรไปหรือเจ้าคะ?”

จากนั้นเขยิบเข้าไปใกล้ด้วยอยากจะเห็นเช่นกัน

ตี้ฝูอีปรายตามองนางอย่างเฉยชาแวบหนึ่ง สายตานี้ตรึงอยู่ที่ฝีเท้าของอวิ๋นซิงหลัว ในใจนางรู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ฝืนยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าแค่อยากรู้อยากเห็นน่ะเจ้าค่ะ”

ตี้ฝูอียิ้ม “ดูเหมือนเจ้าจะสนใจป่าทมิฬมากเช่นกัน”

อวิ๋นซิงหลัวถูกรอยยิ้มของเขาทำให้หนาวสะท้านไปทั้งร่าง เพียงแต่นางไม่อยากเผยให้เห็นความอ่อนแอ “อันที่จริงก่อนซิงหลัวจะเข้ารับการทดสอบ ก็วางแผนไว้คร่าวๆ เผื่อถูกโยนเข้าป่าทมิฬ แต่ซิง หลัวเป็นศิษย์สวรรค์เบื้องบนจึงเสียโอกาสนี้ไป”

ตี้ฝูอีไม่วุ่นกับการคุ้ยถุงเก็บของของกู้ซีจิ่วแล้ว เขายกมือเท้าศีรษะมองอวิ๋นซิงหลัว “เจ้าอยากเข้าไปจริงหรือ?”

อวิ๋นซิงหลัวนิ่งไป

“ถ้าเจ้าอยากเข้าไปจริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ ข้าสามารถส่งเจ้าไปยังยอดเขาที่ห้าได้”

อวิ๋นซิงหลัวฝืนยิ้ม “ท่านทูตสวรรค์ล้อกันเล่นเสียแล้ว ด้วยวรยุทธ์ของซิงหลัว เข้าไปยอดเขาที่สี่ก็ไม่ไหวแล้ว ยอดเขาที่ห้า…เกรงว่าจะอันตรายเกินไปหน่อย”

ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างเฉื่อยชา “ข้าไม่เคยล้อเจ้าเล่น การทดสอบคราก่อน หากเจ้าเป็นศิษย์สวรรค์เบื้องบนตัวปลอม ข้าจะทำลายพลังวิญญาณทั้งร่างเจ้าแล้วเอาไปโยนทั้งยอดเขาที่ห้าจริงๆ สานุศิษย์สวรรค์ตัวปลอมคนอื่นๆ ล้วนถูกโยนไว้ที่นั่น”

อวิ๋นซิงหลัวพูดไม่ออก

หนนี้นางไม่ได้สวมหนากากไว้ คิ้วโก่งดุจวาดเขียน นัยน์ตาหงส์ใสกระจ่างแวววาว เป็นแบบเดียวกับที่ผู้คนเฝ้าจินตนาการถึง นางงามยิ่งนัก เป็นความงามสง่าเหนือสามัญ

ตามที่กู้ซีจิ่วประเมินนางไว้ในใจ นางมีความสวยสง่าเยือกเย็นแบบเสี่ยวหลงหนี่ว์โ1]

ยามที่กู้ซีจิ่วเพิ่งจะขึ้นเรือมาแล้วได้เห็นตอนนางลุกขึ้นยืนบนเรือ ความประทับใจแรกก็คือสิ่งนี้

ผู้คนล้วนชมชอบมองโฉมงาม ยามนั้นกู้ซีจิ่วก็มองอยู่หลายครั้งเช่นกัน

สตรีทั้งดงามปานก้วผลึกเช่นนี้ทำให้คนอยากปกป้องอย่างอดไม่ได้ ไม่อยากให้นางพบความลำบากใดๆ สตรีที่รูปโฉมงดงามถึงเพียงนี้บุรุษย่อมมองเป็นธรรมดา ต่อให้เป็นโจรก็ต้องสุภาพขึ้นมาทันที ด้วยกลัวว่าจะเป็นการล่วงเกินนาง และทำร้ายนางให้เจ็บช้ำนํ้าใจ

แต่นึกไม่ถึงว่าตี้ฝูอีจะไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผา มีความคิดเหี้ยมโหดถึงเพียงนี้

อวิ๋นซิงหลัวรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย ใบหน้าเฉิดฉายขาวซีดจางๆ ฝืนยิ้มอย่างเสียมิได้ “โชคดี…โชคดีที่ซิงหลัวเป็นศิษย์ของสวรรค์เบื้องบน”

นางอดเหลือบมองกู้ซีจิ่วอีกแวบหนึ่งไม่ได้ “ยามที่แม่นางกู้ทดสอบคราก่อน ถ้าหากผลปรากฎว่านางมิใช่ศิษย์สวรรค์เบื้องบน มิใช่ศิษย์ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ท่านทูตสวรรค์’ฝ่ายซ้ายจะทำลายวรยุทธ์ทั้งร่างนางทิ้งแล้วนำไปโยนไว้บนยอดเขาที่ห้าหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วย่นคิ้วนิดๆ เหลือบมองอวิ๋นซิงหลัวด้วยท่าทียิ้มคล้ายมิยิ้ม

ดูเหมือนนิสัยของเด็กสาวผู้นี้ไม่ได้สง่างามเหมือนรูปโฉมสินะ

ตี้ฝูอีเริ่มคุ้ยเขี่ยถุงเก็บของกู้ซีจิ่วอีกครั้งพลางเอ่ยตอบไปด้วย “นางเป็นศิษย์เทพศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้น ‘ถ้าหาก’ นี้ของเจ้าจึงไม่มีผล”

อวิ๋นซิงหลัวหลุบตาลง ยามที่ช้อนตาขึ้นมาอีกครั้ง แววตาพลันใสกระจ่าง ยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าวขึ้น “ซิงหลัวเพียงถามไปเรื่อยเท่านั้น หาได้มีเจตนาร้าย”

นางยื่นมือออกมา มียันต์อาคมสีม่วงอ่อนสองแผ่นอยู่บนฝ่ามือ “แม่นางกู้นี่คือยันต์อัสนีศักดิสิทธิ์ระดับสาม เมื่อตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง ให้ท่านโยนสิ่งนี้ออกไป จะมีอัสนีศักดิ์สิทธิ์ผ่าลงมา ต่อ ให้ผ่าไม่โดนเป้าหมาย แต่อย่างน้อยก็ทำให้สัตว์ตกใจจนหนีไปได้ สามารถใช้ป้องกันตัว นับว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากข้าเถิด”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version