Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 391

บทที่ 391

ตงซือขมวดคิ้วเลียนอย่าง 2

อวิ๋นซิงหลัวหยิบชุดหมากรุกชุดหนึ่งออกมาจากร่างตน วางลงบนโต๊ะเล็ก แล้วแย้มยิ้มทรงเสน่ห์ “ท่านทูตสวรรค์ตี้เจ้าคะ เดินทางกลับเมืองช่างเงียบเหงา ได้ยินว่าฝีมือเดินหมากของท่านสูงส่ง ซิงหลัวอยากขอคำชี้แนะจากท่านทูตสวรรค์สักหน่อยเจ้าค่ะ”

ชุดหมากรุกของนางโดดเด่นไม่เหมือนใคร กระดานและตัวหมากล้วนสร้างจากหยกเหอเถียนชั้นเลิศ ใสกระจ่างดั่งไขมัน ส่องประกายแวววาวภายใต้แสงอรุณ

นางแอบสืบทราบมาว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ชมชอบเครื่องหยก เครื่องใช้ไม้สอยส่วนใหญ่ก็เป็นเครื่องหยก ดังนั้นนางนำชุดหมากรุกนี้ออกมาก็นับว่าตรงใจผู้อื่นพอดี

ในที่สุดตี้ฝูอีก็มองนางแวบหนึ่ง “เจ้าว่างมากหรือ?”

อวิ๋นซิงหลัวงุนงง “เจ้าคะ?”

“ในเมื่อเป็นสานุศิษย์สวรรค์เบื้องบน ก็ควรจะหมั่นฝึกฝน” นํ้าเสียงตี้ฝูอีเฉยชา “เทียบกับสานุศิษย์สวรรค์คนอื่นๆ แล้ว เจ้าล้าหลังมาก!”

ใบหน้าเฉิดฉันของอวิ๋นซิงหลัวซับสีแดงจางๆ “แต่ซิงหลัวยังเด็ก…”

“เจ้าน่ะหรือเด็ก?” ตี้ฝูอีปรายตามองนาง “อวิ๋นซิงหลัว เจ้าคิดว่าเจ้าตบตาข้าได้สินะ?”

สีหน้าอวิ๋นซิงหลัวแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหมือนอยากจะแก้ต่างแต่สุดท้ายก็ไม่กล้าเอ่ยออกมา

ตี้ฝูอีหลับตาลงกล่าวอย่างเฉยชา “ข้าไม่สนว่าเจ้าจะโตหรือเด็ก ในเมื่อเป็นศิษย์ของสวรรค์เบื้องบนก็ต้องแบกรับภาระหน้าที่ของศิษย์สวรรค์ เจ้าต้องฝึกฝนพลังวิญญาณให้บรรลุขั้นเก้าภายใน 20 ปี มิฉะนั้นจะถูกสวรรค์ละทิ้ง”

อวิ๋นซิงหลัวหน้าซีดเฝือด “ตอนนี้พลังวิญญาณซิงหลัวอยู่ขั้นหกระดับกลาง การบรรลุขั้นเก้าภายใน 20 ปียากเย็นเกินไป”

คนส่วนใหญ่ฝึกฝนพลังวิญญาณจนถึงขั้นสี่ก็นับว่าเป็นจุดสูงสุดแล้ว ส่วนผู้ที่เป็นอัจฉริยะด้านพลังวิญญาณต้องใช้เวลาชั่วชีวิตถึงจะสามารถฝึกฝนพลังวิญญาณจนบรรลุขั้นแปดได้

มีเพียงผู้ฝึกที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศจนน่าตะลึงเท่านั้น จึงจะสามาร ฝึกฝนพลังวิญญาณจนบรรลุขั้นเก้าได้ในท้ายที่สุด แต่หลังจากบรรลุขั้นเจ็ดแล้วการฝึกฝนจะยากลำบากยิ่งนัก การบรรลุจากขั้นเจ็ดไปขั้นแปด ต่อให้เป็นผู้ทีฝึกฝนได้รวดเร็วก็ต้องใช้เวลาประมาณ 20 ปี ส่วนการบรรลุจากขั้นแปดไปขั้นเก้าอาจต้องใช้เวลา 40 ปีหรือกระทั่ง 60 ปีด้วยซ้ำ!

ยามนี้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายต้องการให้นางบรรลุขั้นเก้าภายใน 20 ปี! ภารกิจนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้สำเร็จลุล่วง!

“ท่านทูตสวรรค์ตี้ เช่นนี้ยากเกินไปแล้ว มิมีผู้ใดทำได้สำเร็จหรอกเจ้าค่ะ”

ตี้ฝูอีตัดบทนาง “เจ้าคือสานุศิษย์ของสวรรค์เบื้องบน! เจ้านึกว่าสานุศิษย์สวรรค์เบื้องบนเป็นได้ง่ายดายปานนั้นหรือ?”

อวิ๋นซิงหลัวเอ่ย “…สานุศิษย์สวรรค์คนอื่นก็…ก็ต้องบรรลุขั้นเก้าภายใน 20 ปีเหมือนกันหรือเจ้าคะ?”

ตี้ฝูอี กอดอกโดยพลัน “เจ้าสงสัยข้าหรือ?”

อวิ๋นซิงหลัวรีบตอบทันที “มิใช่เจ้าค่ะ มิใช่แน่นอน ใช่แล้ว สวรรค์ละทิ้ง…หมายความอย่างไรเจ้าคะ?”

“ถูกสวรรค์ทอดทิ้ง ริบพลังยุทธ์ทั้งหมดคืน แล้วโยนเข้านรกโลกันตร์ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ตลอดกาล”

อวิ๋นซิงหลัวหน้าเปลี่ยนสีแล้ว เห็นได้ชัดว่านางนึกไม่ถึงว่าจะมีผลกระทบร้ายแรงปานนี้ หลังจากทึ่มทื่อไปครู่หนึ่งก็มองตี้ฝูอีด้วยแววตาคาดหวัง “ภารกิจนี้ยากเกินไป ท่านทูตสวรรค์ตี้ ซิงหลัวสามารถอยู่ข้างกายท่านได้ไหมเจ้าคะ? เช่นนี้เมื่อพบปัญหาในการฝึกฝนจะได้สะดวกต่อการขอคำชี้แนะบ่อยๆ…”

“ไม่ได้” ตี้ฝูอีปฏิเสธทันที

อวิ๋นซิงหลัวกระอักกระอ่วน “เช่นนั้นซิงหลัวไปขอคำชี้แนะจากท่านทูตสวรรค์บ่อยๆ ได้ไหมเจ้าคะ?”

“เจ้าคือศิษย์สวรรค์ของสวรรค์เบื้องบน ข้ามิได้มีหน้าที่ต้องอบรมชี้แนะเจ้า”

“แต่…แต่ท่านมีหน้าที่ผลักดันการฝึกยุทธ์ของสานุศิษย์สวรรค์นะเจ้าคะ…” อวิ๋นซิงหลัวกล่าวอย่างใจกล้ายิ่ง ด้วยกริ่นเกรงว่าเขาจะขุ่นเคือง จึงเสริมอีกประโยค “ซิงหลัวมิได้มีความหมายอื่นนะเจ้าคะ เพียงอยากฝึกฝนให้รวดเร็ว จะได้บรรลุเงื่อนไขตามที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายต้องการ”

“เจ้าข่มขุ่ข้าอยู่หรือ?”

“มิกล้าเจ้าค่ะ ซิงหลัวแค่อยากบรรลุเงื่อนไขของท่านทูตสวรรค์ให้ได้ในเร็ววัน” อวิ๋นซิงหลัวพูดจาอย่างใจกล้าต่อไป

นางพบว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสนทนากับกู้ซีจิ่วผู้นั้นอย่างที่ไม่เคยสนทนากับผู้อื่นจึงเกิดความหวาดหวั่น รู้สึกว่าเป็นเช่นนี้ถึงจะดึงดูดความสนใจของตี้ฝูอี ทำให้เขาปฏิบัติด้วยเป็นพิเศษ…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!