บทที่ 407
ลากขวดน้ำมันใบใหญ่ 2
กู้ซีจิ่วมองเขาอยู่หลายวินาที “เมื่ออยู่ใต้กรงเล็บของตะขาบพิฆาต ท่านสามารถต้านรับไว้ได้กี่กระบวนท่า?”
ซือเฉินหน้าแดงเล็กน้อย “ประมาณสองกระบวนท่า มากกว่านั้นก็ต้านไว้ไม่ไหวแล้ว”
มุมปากกู้ซีจิ่วกระตุกแวบหนึ่ง “ข้าคิดว่าท่านหนีไปซะยังจะดีกว่า!” เขาอยู่ไปก็เป็นได้เพียงตัวภาระเท่านั้น…
“ข้าจะมิเป็นคนไร้คุณธรรมเช่นนั้นเด็ดขาด!” ซือเฉินเชิดหน้า
กู้ซีจิ่วเกิดความรู้สึกชั่ววูบอยากเตะเขาให้กระเด็นขึ้นมา!
เธอกำมือแน่นไม่พูดไม่จา อันที่จริงแล้วเธอก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
เธอมักจะรู้สึกว่าซือเฉินผู้นี้ไม่ธรรมดา แต่พอตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอก็ไม่มีกะจิตกะใจจะมาเปิดโปงการเสแสร้งของเขา
ทหารมาใช้ขุนพลต้าน นํ้ามาใช้ดินกั้นแล้วกัน!
เกิดเสียงดัง ‘ฟิ้ว! ฟิ้ว!’ ขึ้น ตะขาบพิฆาตสองตัวนั้นปรากฎตัวขึ้นดั่งภูตผี โผล่มาโดยไม่รู้ตัว หนึ่งหน้าหนึ่งหลัง ปิดกั้นทางถอยของพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองคน
เห็นได้ชัดว่าเจ้าสองตัวนี้ถูกยั่วจนโมโหแล้ว ดวงตา 3 คู่ที่แต่เดิมเป็นสีอำพันกลายเป็นสีแดงเพลิง กลอกกลิ้งไปมาประหนึ่งมีโคมไฟดวงน้อย 6 ดวงอยู่บนศีรษะของแต่ละตัว
‘โคมไฟดวงน้อย’ 12 ดวงนี้จับจ้องคนทั้งสอง อุณหภูมิรอบๆ ลดลงอย่างรวดเร็ว ใบไม้บนต้นไม้ใหญ่ดั่งต้องสายลมฤดูใบไม้ผลิพัดกวาด เหี่ยวเฉาโรยราทันที ใบไม้แห้งปลิวว่อนเต็มฟ้า บรรยากาศข่มขวัญผู้คนยิ่งนัก!
“เสี่ยวซีจิ่ว เจ้ามีโอกาสชนะกี่ส่วน?” ร่างกายซือเฉินแทบจะแนบบนร่างกู้ซีจิ่ว สองแขนโอบเอวเธอไว้
“ถ้าท่านยังโอบข้าไว้เหมือนฝาแฝดที่ร่างกายติดกันเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีโอกาสเลยสักส่วน!” กู้ซีจิ่วตอบด้วยสีหน้าแข็งทื่อปานไม้
ซือเฉินมองเธอ “เจ้าซัดข้าออกไปได้”
กู้ซีจิ่วพลันตวัดข้อมือ คิดจะซัดออกไปทันที ทว่าถูกเขายึดข้อมือไว้ สองตาเขาทอแสงแวววาว “ถ้าซัดข้าออกไปจริง เจ้าจะติดหนี้บุญคุณที่ข้าช่วยชีวิตร้อยครั้ง!”
เส้นเลือดบนหน้าผากกู้ซีจิ่วปูดโปนขึ้นมาทันที เพิ่มเป็นเท่าตัวเชียวหรือ!
“เสิ่ยวซีจิ่ว ถ้าติดค้างข้ามากมากถึงเพียงนั้นจริงๆ เจ้าขายทุกสิ่งก็ยังไม่เพียงพอจะชดใช้แก่ข้าเลย” ลมหายใจอุ่นร้อนในปากของซือเฉินแทบจะเป่าเข้าไปในหูกู้ซีจิ่ว
กู้ซีจิ่วถอนหายใจ ข่มกลั้นอารมณ์ชั่ววูบที่อยากซัดเขาให้กระเด็นไว้ “ท่านเคยได้ยินประโยคที่ว่า…” “อะไร?”
“ท่านปล่อยข้าก่อน แล้วข้าจะบอกท่าน”
ซือเฉินว่านอนสอนง่าย ยอมปล่อยเธอจริงๆ แต่ร่างกายยังคงแนบชิดเธอเหมือนเก่า “เจ้าว่ามาสิ”
“เห็บกัดมากเข้าก็จะไม่คัน ติดหนี้มากเข้าก็จะไม่กลัดกลุ้ม ในเมื่อติดค้างท่านมากมายหลายครั้งจนชดใช้ไม่หมดเช่นนี้ ดังนั้นข้าจะไม่ชดใช้เสียเลย!” เมื่อกล่าวประโยคสุดท้ายออกไป เธอก็รีบ เคลื่อนย้ายในพริบตาออกไปหนึ่งจั้งทันที ในที่สุดก็สลัดขวดนํ้ามันใบใหญ่ (ตัวภาระ) ทิ้งสำเร็จแล้ว…
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวนี้ของเธอ เป็นการเรียกเจ้าตะขาบพิฆาตให้เข้ามาจู่โจมทันที ตะขาบพิฆาตตัวหนึ่งวกกายมาปิดกั้นทางไปของกู้ซีจิ่วไว้ หลังจากกรีดร้องเสียงแหลม ธารน้ำตกพิษสีเขียวๆ เหลืองๆ สายหนึ่งก็พุ่งออกมา…
กู้ซีจิ่วเข้าต่อสู้กับตะขาบพิฆาต
ถึงอย่างไรเธอก็เคยประมือกับตะขาบพิฆาตมาแล้วหนหนึ่ง จึงทราบกระบวนท่าและท่าไม้ตายส่วนใหญ่ของมัน เมื่อต่อสู้กันอีกหน ก็ไม่ถึงกับร้อนรนมือไม้สับสนวุ่นวายแล้ว
เจ้าตะขาบพิฆาตสองตัวนี้พุ่งเป้ามาที่เธอจริงๆ ตัวหนึ่งรบรากับกู้ซีจิ่วอย่างดุเดือด อีกตัวก็ชมอยู่ด้านข้างอย่างพร้อมเข้าตะครุบ ไม่เหลือบแลซือเฉินที่ยังคงยืนอยู่บนต้นไม้ ไม่ไปโจมตีเลย…
เมื่อต่อสู้กับสัตว์ร้ายประเภทนี้กู้ซีจิ่วจะวอกแวกไม่ได้แม้แต่น้อย
สัตว์ร้ายตัวอื่นๆ เหมือนมาเพื่อเอาใจช่วยหัวหน้าของพวกมัน มุงจนเป็นวงใหญ่แล้วชมความครึกครื้นอยู่ไกลๆ
กู้ซีจิ่วว่องไวปานสายฟ้า เดี๋ยวมาเดี๋ยวไป กระบี่พุ่งออกไปเหมือนดาวตก ตระการตาอย่างยิ่ง
สัตว์ร้ายเหล่านี้ล้วนมีสติปัญญาบ้างแล้ว จึงมีความอยากรู้อยากเห็นยิ่งนัก สัตว์ร้ายที่เดิมทีแอบซุ่มอยู่ไกลเกินไปจนมองเห็นไม่ชัด ก็ข่มความปรารถนาในใจไว้ไม่อยู่ เขยิบเข้ามาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ…
กู้ซีจิ่วก็ค่อยๆ ถอยหลังไปในทิศทางเดียวกัน
แน่นอนว่าการล่าถอยของเธอแนบเนียนยิ่งนัก ด้วยสติปัญญาของสัตว์เหล่านี้ไม่มีทางมองออก บางครั้งเมื่อรู้สึกว่าตนเข้าใกล้สนามรบเกินไป พวกมันก็จะเขยิบไปด้านหลังเล็กน้อย…