บทที่ 446
ล้วนเป็นเพียงเมฆาเลื่อนลอย 1
“ตั้งแต่ตอนไหน?”
“สงสัยมานานแล้ว แต่เพิ่งแน่ใจ”
“เช่นนั้นเหตุใดถึงไม่เปิดโปงข้า?” แววตาซือเฉินคมปลาบยิ่งขึ้น
หัวใจกู้ซีจิ่วเต้นรัว ทำไมไม่เปิดโปงเขาน่ะหรือ?
คงอาลัยอาวรณ์ในความอบอุ่นที่เขามอบให้กระมัง?
อีกทั้งรู้สึกว่าคนผู้นี้คาดเดายากเกินไป เขาทำเช่นนี้ย่อมต้องมีเหตุผลของตัวเอง เธอเปิดโปงเขาไปก็มีแต่โทษไร้ประโยชน์มิใช่หรือ?
และอาจเป็นเพราะส่วนลึกของจิตใจรู้สึกได้ว่าเขาชอบตัวเองจริงๆ เป็นห่วงความปลอดภัยของตน ด้วยเหตุนี้จึงแปลงกายเป็นคนอื่นมาเดินทางเป็นเพื่อน…
หลังจากทราบตัวตนที่แท้จริงของเขา หัวใจเธอก็เต้นผิดไปหลายจังหวะ มีความรู้สึกอบอุ่นวาบผ่านในหัวใจ
แต่ยามนี้พอถูกเขาถามด้วยวาจาเฉียบคม เธอกลับชะงักไปชั่วขณะ ดูเหมือนเขากำลังตำหนิเธออยู่?
เธอไม่เปิดโปงเขาก็ผิดหรือ?
“แล้วทำไมต้องเปิดโปงท่าน?” ถึงแม้ในใจเธอจะมีระลอกคลื่นซัดสาด แต่สีหน้าท่าทางยังคงเรียบเฉยเช่นเดิม เธอถึงขั้นผลิยิ้มด้วย “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกระทำการใดคาดเดาได้ยากเสมอ ทำเช่นนี้คงจะมีเหตุผลอะไรอยู่ ข้าหลับหูหลับตาเปิดโปงไปคงไม่ดีกระมัง?”
ซือเฉินยิ้ม ถอนหายใจเบาๆ “ใช่แล้ว เจ้าไม่มีเหตุอะไรที่ต้องเปิดโปงข้าแน่นอน เพราะเจ้าหวังให้ข้าปกป้องคุ้มครองเจ้าไปตลอดทาง และช่วยให้เจ้าออกป่าทมิฬได้ใช่หรือไม่?”
นํ้าเสียงเขานุ่มนวล ทว่าถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยกลับแหลมดุจใบมีด
กู้ซีจิ่วชะงักงันไปอีกหน “ท่าน…พูดจาเหลวไหลอันใดอยู่?”
“เสี่ยาซีจิ่ว คนที่กล้าตั้งคำถามเช่นนี้กับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคงมีแค่เจ้าคนเดียว ดูท่าข้าคงมอบสิทธิ์พิเศษให้เจ้าโดยไม่เจตนามากเกินไปจริงๆ ด้วยเหตุนี้เจ้าถึงหลงลืมฐานะตน” ซือเฉินจรดนิ้วร่ายวิชา รอบกายพลันมีแสงหลากสีล่องลอยปกคลุมร่างเขา เมื่อแสงหลากสีสลายไป หนุ่มน้อยซือเฉินคนนั้นก็ไม่อยู่แล้ว ผู้ที่ปรากฎอยู่ตรงจุดเดิมคือตี้ฝูอีในอาภรณ์ม่วงพลิ้วไหว
กู้ซีจิ่วถอยหลังทันที สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย ทว่ากลับยิ้มออกมา “ซีจิ่วกระจ่างแจ้งในฐานะของตนอยู่เสมอว่าแตกต่างกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายราวฟ้ากับเหว ก่อนหน้านี้ปากไม่มีหูรูดพูดจาจาบจ้วงไป มากมาย หวังว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะให้อภัย” เธอว่าพลางทำความเคารพ
ตี้ฝูอีนิ่งเงียบ
กู้ซีจิ่วจึงกล่าวอีก “ซีจิ่วก็เพิ่งจะแน่ใจว่าท่านคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย มิได้เปิดโปงให้ทันท่วงทีคือความผิดของซีจิ่วเอง วันหน้าถ้าพบปัญหาเช่นเดียวกันอีก ซีจิ่วจะบอกกล่าวให้ทันกาลแน่นอน เพียงแต่ซีจิ่วขอกล่าวให้กระจ่างสักนิด แต่ไหนแต่ไรมาซีจิ่วไม่เคยหวังให้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาปกป้องคุ้มครอง ก่อนหน้านี้ซีจิ่วดูไม่ออกว่าเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ต่อให้รู้สึกว่าซือเฉินเป็นตัวภาระ ก็ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งเขา รู้สึกเพียงว่าติดค้างนํ้าใจเขา มีหน้าที่ต้องปกป้องและพาเขาออกจากป่าทมิฬ เพียงแต่ไม่นึกว่านี่คือร่างแปลงของทูตดสวรรค์ไม่มีทางต้องการความช่วยเหลือจากข้า เป็นข้าเองที่เลอะเลือนไปชั่วขณะ”
เธอหลุบตาลงต่ำ ท่าทางสุภาพนอบน้อม
ดวงตาตี้ฝูอีฉายแววเจ็บปวด มองนางครู่หนึ่ง กล่าวอย่างเฉยชาว่า “ข้ากระทำการเช่นนี้ย่อมมีเหตุผล กู้ซีจิ่ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าการให้คนแอบอ้างฐานะทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายต้องรับโทษทัณฑ์ใด?”
บัญชีนี้ก็จะคิดหรือ?
ถึงแม้เธอจะให้เขาปลอมเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย แต่ตัวปลอมเช่นเขาที่แท้ก็เป็นตัวจริง แถมเขาก็ร่วมมือด้วยมิใช่หรือ?
กู้ซีจิ่วช้อนตามองเขา ไม่เอ่ยอันใด นัยน์ตากลมโตของเธอใสกระจ่างดุจทะเลสาบ ยามที่มองผู้คนดุจมี อำนาจมองทะลุได้
ทว่าตี้ฝูอีไม่ได้มองเธอ เพียงกล่าวเสริมอีกประโยค “ตามกฎเกณฑ์ของทวีปซิงเยวี่ย อย่าว่าแต่แอบอ้างเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเลย ต่อให้แอบอ้างเป็นสานุศิษย์สวรรค์คนไหนสักคน ก็ล้วนต้องโดนทัณฑ์ห้าม้าแยกร่าง!”
หัวใจที่เคยอบอุ่นของกู้ซีจิ่วเสมือนค่อยๆ จมดิ่งลงไปในทะเลสาบเยียบเย็น เธอเม้มริมฝีปาก “เช่นนั้นหรือ?”
การที่เขาแปลงกายเป็นซือเฉินติดตามอยู่ข้างเธอ ที่แท้มิใช่เพื่อปกป้องเธอสินะ? แต่มาเพื่อจับผิดเธอใช่ไหม?
………………………..
[1] ลู่อู๋ เป็นสัตว์วิเศษในตำนานของจีน มีใบหน้าเหมือนมนุษย์ ตัวคล้ายเสือ มีหางยาวเก้าหาง