Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 447

บทที่ 447

ล้วนเป็นเพียงเมฆาเลื่อนลอย 2

ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด หัวใจค่อนข้างเจ็บปวดและห่อเหี่ยว…

ในหี่สุดดวงตาตี้ฝูอีก็สบเข้ากับดวงตาใสกระจ่างดั่งทะเลสาบคู่นั้นของเธอ “ครั้งนี้ถึงแม้เจ้าจะให้คนอื่นแอบอ้างตัว แต่ถึงอย่างไรผู้ที่แอบอ้างก็คือข้าเอง ข้าปลอมเป็นตัวเอง ภายใต้เหตุสุดวิสัยก็ไม่นับว่าเป็นการแอบอ้าง ดังนั้นคราวนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปสักหน ไม่สืบสาวเอาความ แต่ว่า…คราวหน้าอย่าทำอีก!”

“ทราบแล้ว ขอบคุณมากเจ้าค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณ

ตี้ฝูอีราวกับถูกท่าทางเช่นนี้ของเธอเสียดแทงจนนิ่งไป เขาละสายตาทันที กล่าวอย่างเฉยชาว่า “หนนี้ข้ามิได้เข้ามาเพื่อช่วยเหลือเจ้า แค่อยากจะทดสอบอุปนิสัยและคุณสมบัติของเจ้า ถึงร่างกายเจ้าจะพิเศษ แต่เคราะห์ดีที่เจ้ามุมานะและเฉลียวฉลาดพอ เมื่อได้รับการขัดเกลาภายหน้าย่อมยิ่งใหญ่”

น้ำเสียงเขาเป็นทางการทั้งหมด และเหมือนผู้อาวุโสที่อบรมชนรุ่นหลัง

กู้ซีจิ่วหลุบตาตํ่า คลี่ยิ้มเอ่ย “ขอบคุณที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายให้ความสำคัญ วันหน้าซีจิ่วจะมุมานะ จะได้ไม่เนรคุณต่อความเมตตาของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย”

ทั้งที่บทสนทนาระหว่างพวกเขาธรรมดายิ่ง ทว่าตี้ฝูอีเสมือนถูกทิ่มแทงก็มิปาน ดวงตาเขาฉายแววปวดร้าวอีกครา เพียงแต่สีหน้ากลับสงบนิ่ง ผงกศีรษะนิดๆ “เช่นนี้ดีมาก กู้ซีจิ่ว เจ้าจงระมัดระวังด้วย” เขาพลันหมุนกาย แล้วหายตัวไปทันที

……………………………..

สายลมพลิ้วผ่านยอดไม้เกิดเสียงดังซู่ซ่า ณ จุดเดิมมีเพียงกู้ซีจิ่วผู้เดียว แน่นอน ยังมีเจ้าหอยยักษ์ด้วย

เพรียกวายุก็ยังยืนอยู่ตรงนั้นพลางจ้องมองข้อมือกู้ซีจิ่วอย่างโง่งม เจ้าลู่อู๋พันหางทั้งเก้าไว้บนข้อมือกู้ซีจิ่ว นอนหลับใหลน้ำลายย้อย

ยามที่ลู่อู๋ฟักออกจากไข่ได้สูบกลืนเครื่องสังเวยไปไม่น้อย ยามนี้โครงกระดูกของสัตว์เหล่านั้นยังคงกองระเกะระกะอยู่ตรงนั้น บรรยากาศค่อนข้างวังเวงอย่างน่าประหลาด กู้ซีจิ่วได้รับทั้งเจ้าหอยยักษ์และสัตว์ขั้นแปดตัวหนึ่งมาในคราวเดียวกัน เรียกได้ว่าเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากมายเหนือ ธรรมดา ถ้าว่ากันตามเหตุผลเธอควรดีใจเป็นล้นพ้นถึงจะถูก แต่เนื่องจากมีข้อพิพาทกับตี้ฝูอีจึงทำให้เธออารมณ์ไม่ดียิ่งนัก อัดอั้นอย่างบอกไม่ถูก

‘คนผู้นี้ประสาทแท้ๆ! ก่อนหน้ายังเกาะติดผู้อื่นไม่ยอมปล่อย พริบตาเดียวก็พลิกโฉมเป็นคนไม่รู้จักกัน!’ หยกนภาระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เริ่มบ่นออกมา

กู้ซีจิ่วค่อนข้างเหม่อลอย ดูเหมือนจะไม่ได้ยินวาจาของหยกนภา

“ใช่แล้ว เจ้านาย เมื่อกี้ท่านมองเห็นท้องฟ้าด้านนอกจริงๆ หรือ?” เจ้าหอยยักษ์ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยถาม “แน่นอนสิ ข้าไม่ได้ตาบอดสักหน่อย!”

“แต่ว่าข้ามองไม่เห็นนะเจ้านาย เมื่อกี้ข้าพยายามมองด้านนอกอย่างสุดความสามารถ แต่ก็มองไม่เห็นภาพเหล่านั้นที่ท่านเอ่ยถึงเลย”

กู้ซีจิ่วแหงนหน้าขึ้นตามสัญชาตญาณ ท้องฟ้ายังคงมืดมิดเฉกเช่นที่ผ่านมา อย่าว่าแต่เห็นมองเห็นนภาครามเมฆาขาวเลย แม้แต่แสงสว่างสักเสี้ยวก็ไม่เห็น

กู้ซีจิ่วรีบถามหยกนภาที่อยู่บนข้อมือทันที หยกนภาตะลึงไปชั่วขณะ ‘เจ้านาย เมื่อกี้มิใช่ว่าท่านแค่พูดเรื่อยเปื่อยหรือ? ท้องฟ้ามืดมิดอยู่ตลอดนะ อยู่ในป่าทมิฬมองไม่เห็นท้องฟ้าด้านนอกหรอก’

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน

หรือว่ามีเพียงตัวเธอที่มองเห็น?

เธอแหงนหน้ามองอีกครั้ง ทว่ามองไม่เห็นฉากน่าตะลึงนั้นแล้ว เธอยกมือนวดคลึงหว่างคิ้ว สงสัยอย่างหนักว่ายามนั้นตนคงเห็นภาพหลอนอีกแล้ว หรือจะเป็นอาการตกค้างจากการอยู่กับเจ้าหอยตัวนี้ นานๆ?

เธอจึงถามเจ้าหอยยักษ์ที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความไม่แน่ใจ “หากเคยเข้าไปในภาพมายาของเจ้า ผู้ที่เคยถูกเจ้ามอมเมาจะมีอาการหลงเหลืออยู่หรือไม่? ยกตัวเช่นเห็นภาพหลอนเป็นครั้งคราวอะไรเทือก นั้น”

เจ้าหอยกาบค่อนข้างละอายใจ “เจ้านาย ข้อนี้ข้าไม่รู้จริงๆ คนที่เคยถูกภาพมายาของข้ามอมเมา นอกเหนือจากเจ้านายล้วนถูกข้ากินไปหมดแล้ว พวกเขาเลยไม่มีอาการตกค้างอีก”

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก

หยกนภาเหมือนจะคิดอะไรออก ‘เจ้านาย เป็นเพราะท่านล่อหลอกเขาหนักเกินไปใช่ไหม ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายถึงได้โกรธจนจากไป? ทั้งยังรู้สึกว่าท่านหลับหูหลับตาพูดมั่วซั่ว คนผู้นี้เหลือเกิน จริงๆ! กล่าวว่าเห็นท้องฟ้าสดใสก็ไม่เห็นเสียหายอะไรสักหน่อย อีกอย่างนี่ก็เป็นเรื่องของความสุนทรีย์ด้วย…’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version