Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 449

บทที่ 449

ล้วนเป็นเพียงเมฆาเลื่อนลอย 4

ผลไม้ลูกนั้นถูกมันแทะกินไปครึ่งหนึ่งแล้ว พอถูกกู้ซีจิ่วจับได้คาหนังคาเขามันก็มีท่าทีละอายใจ “เจ้านาย ข้าหิว ก็เลยกิน กินไป 3 ลูกแล้ว…”

กู้ซีจิ่วกุมขมับ เธอเลินเล่อไปชั่วขณะ จึงนำเจ้าหอยยักษ์ใส่ไว้กับผลไม้

เจ้าหอยยักษ์ตัวนี้เป็นจอมตะกละ ใส่มันไว้กับผลไม้เลิศรสเหล่านั้น ก็เหมือนโยนหมาป่าเข้าไปในคอกแกะ…

เจ้าหอยยักษ์ก็รู้สึกว่าตนทำเกินไปอยู่บ้าง จึงรีบดันผลไม้ครึ่งลูกนั้นไปทางกู้ซีจิ่ว “เจ้านาย ข้ายังเหลือไว้ให้ท่านครึ่งลูกนะ”

มันชอบน้ำลายไหล ผลไม้ครึ่งลูกนี้ไม่รู้ว่าเปื้อนน้ำลายมันมากน้อยเพียงใดแล้ว เธอย่อมหมดความอยากอาหาร “เจ้ากินเองเถอะ”

“ขอบคุณเจ้านาย!” เจ้าหอยยักษ์ลิงโลด เพียงชั่วพริบตาผลไม้ครึ่งลูกนั้นก็ถูกกินจนไม่เหลือซาก

“แหงว!” เจ้าลู่อู๋ที่หมอบอยู่บนข้อมือกู้ซีจิ่วตลอดร้องออกมา มุดเข้าไปในถุงเก็บของที่กู้ซีจิ่วยังไม่หันได้ปิดเสียงดังผลุบ ผ่านไปชั่วครู่ มันก็ใช้หางทั้งเก้าหอบผลไม้สีแดงลูกใหญ่ออกมา

มันมีคุณธรรมกว่าเจ้าหอยยักษ์เล็กน้อย ดันผลไม้ลูกนั้นมาไว้เบื้องหน้ากู้ซีจิ่ว ร้องแง้วๆ ไม่หยุด ราวกับจะถามว่ามันกินสิ่งนี้ได้หรือไม่?

ถึงจะบอกว่าเป็นการถาม แต่หางทั้งเก้าของมันกลับพันผลไม้ลูกนั้นไว้แน่น ประดุจใครหน้าไหนก็แย่งไปจากมันไม่ได้

เส้นเลือดบนหน้าผากกู้ซีจิ่วปูดโปน เธอรู้สึกว่าเจ้าสองตัวที่เธอรับมาใหม่นี้เหมือนจะไร้กฎระเบียบเกินไป จะต้องตั้งกฎให้พวกมันเสียแล้ว

ดังนั้นเธอจึงแกะผลไม้ลูกนั้นออกมาจากพวงหางทั้งเก้าของเจ้าลู่อู๋อบรมมัน “ต่อให้เป็นข้าวของของเจ้านายก็ไม่สามารถหยิบฉวยได้ตามอำเภอใจ ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้านายก่อนถึงจะกินได้..”

ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหอยยักษ์หรือเจ้าลู่อู๋ก็ล้วนเข้าใจภาษามนุษย์ ดังนั้นกู้ซีจิ่วไม่ต้องกลัวว่าพวกมันจะฟังไม่เข้าใจ จัดการอบรมสั่งสอนพวกมันชุดใหญ่อย่างที่พบเห็นได้ยาก

เจ้าหอยยักษ์ร่วมทางกับกู้ซีจิ่วมาระยะหนึ่งแล้ว อีกทั้งหนังหน้าหนา มันจึงไม่เป็นอะไร

ส่วนลู่อู๋ตัวนั้นถึงอย่างไรก็เป็นเพียงลูกสัตว์ จิตใจเปราะบาง จึงน้ำตาไหลพรากทันที อีกทั้งรูปโฉมมันน่าเอ็นดู เมื่อร้องไห้เช่นนี้ทำให้กู้ซีจิ่วอดจะใจอ่อนไม่ได้

เพียงแต่กู้ซีจิ่วยังคงแน่วแน่ยิ่ง ต่อให้ใจอ่อน แต่กฎที่ควรตั้งก็ยังตั้งต่อไป

ก็เหมือนกับเด็กเล็ก เมื่อซุกซนดื้อดึงก็ควรจะอบรมสั่งสอน ไม่ควรตามใจจนเกินขอบเขต

การจู่โจมด้วยน้ำตาของเจ้าลู่อู๋และการจู่โจมด้วยการทำตัวน่ารักของเจ้าหอยยักษ์ไม่ได้ทำให้กู้ซีจิ่วยอมถอยเลย ในที่สุดเจ้าตัวเล็กทั้งสองตัวก็ทราบความผิดของตน ยอมรับผิดขอขมาลาโทษต่อกู้ซีจิ่วโดยดี

เจ้าหอยยักษ์ยังว่าดี มันสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ แสดงให้เห็นเจตนาการสำนักผิดของตนได้

แต่เจ้าลู่อู๋ตัวนั้นไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงร้องแง้วๆ ไม่หยุด ทว่าดูเหมือนกู้ซีจิ่วจะไม่เข้าใจ มันเลยร้อนรนหันไปแยกเขี้ยวขู่เจ้าหอยยักษ์

เจ้าหอยยักษ์ยังเกรงกลัวมันอยู่บ้าง ทำได้เพียงแปลภาษาให้อย่างไม่เต็มอกเต็มใจ แสดงเจตนาการสำนึกผิดของมันออกมา

กู้ซีจิ่วพยักหน้า เมื่อเห็นว่าท่าทางสำนึกผิดของมันนอบน้อมจริงใจ เธอก็อภัยให้พวกมัน

จะอย่างไรเป็นสัตว์ที่เพิ่งสยบได้ ไม่เข้ากฎเกณฑ์ก็ยังพอให้อภัยได้ เธอค่อยๆ สั่งสอนไปก็พอแล้ว

เจ้าลู่อู๋ยังคงมองผลไม้สีแดงลูกนั้นตาปริบๆ กู้ซีจิ่วก็ไม่สนใจมัน แถมยังเอาผลไม้ลูกนั้นไปมอบให้เพรียกวายุที่แบกเธอวิ่งมาทั้งวัน เพรียกวายุย่อมอยากกินผลไม้ลูกนี้อย่างยิ่ง ผลไม้ทุกลูกที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเหลือไว้ให้ล้วนเป็นของชั้นเลิศ มิใช่ผลไม้ที่หาได้ทั่วไป

อย่างไรเสียสัตว์ในยอดเขาที่ห้าล้วนแต่มีสติปัญญา ซ้ำยังเข้าใจคุณค่ายิ่งนัก

เพรียกวายุเองก็ทราบว่าผลไม้ลูกนี้มีประโยชน์กับมันมาก แต่ว่าลูกรักของมัน…

ถึงแม้ลูกน้อยจะไม่ยอมรับมัน ถึงขั้นมิใช่สายพันธุ์เดียวกับมัน แต่มันก็ฟูมพักมาเหมือนสมบัติลํ้าค่ามาเป็นเวลา 3 ปี เห็นมันเป็นลูกน้อยของตนมาตั้งนานแล้ว

เมื่อเห็นเจ้าลู่อู๋มองตาละห้อย มันจึงคาบผลไม้ลูกนั้นไปวางไว้ข้างๆ อุ้งเท้าเจ้าลู่อู๋…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!