Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 462

บทที่ 462

ร่วมเป็นร่วมตาย 7

ถึงเธอจะกระหายแล้ว แต่ก็ไม่คิดเข้าไปดื่มนํ้าในโรงนํ้าชาพิลึกแห่งนี้ เธอตบแผ่นหลังเพรียกวายุ ขณะที่กำลังจะผ่านไป จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังสนั่นหลายครา มีดอกไม้ไฟยิงขึ้นสู่ฟ้าติดๆ กัน ทำเอากู้ซีจิ่วสะดุ้งโหยง

เมื่อเงยหน้ามอง ผ้าม่านที่อยู่รอบๆ โรงนํ้าชาหลังใหญ่โตก็เลิกขึ้นเรื่อยๆ เผยให้เห็นร่างของคนนับไม่ถ้วน องครักษ์ นางกำนัล ขุนนางใหญ่ ขันที องค์ชาย…

ผู้ที่อยู่ตรงใจกลางคือจักรพรรดิซวน ใบหน้าเขาอิ่มเอิบเปี่ยมสุขนำขบวนข้าราชบริพารก้าวออกมาจากในโรงนํ้าชา “ซีจิ่ว ยินดีด้วยที่เจ้าออกมาจากป่าทมิฬได้สำเร็จ!”

องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวและองค์ชายหรงเช่อที่อยู่ข้างกายเขามุ่งตรงมาหาเธอพลางยิ้มน้อยๆ

กู้ซีจิ่วตะลึงงัน

เธอสงสัยว่าตัวเองกำลังเข้าสู่ภาพมายาอีกแล้ว มิเช่นนั้นพวกหรงเจียหลัวมาปรากฎตัวก็แล้วไปเถิด แต่จักรพรรดิซวนเสด็จมาต้อนรับด้วยตัวเองนี่สิ!

เพียงแต่เธอเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าเหตุการณ์นี้เป็นความจริง

เนื่องจากภายในป่าก็มีคนมากมายโผล่ออกมาเช่นกัน เป็นกองทหารรักษาพระองค์ขบวนใหญ่และชาวบ้านมากมายนับไม่ถ้วน…

ชาวบ้านแสดงความตื่นเต้นคึกคัก แต่กองทหารรักษาพระองค์กลับได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

เห็นได้ชัดเจนนัก ที่ตอนแรกในป่าไม่มีเสียงเคลื่อนไหวมากนักก็เป็นเพราะทหารรักษาพระองค์คอยควบคุมชาวบ้านไม่ให้พวกเขาส่งเสียง

กู้ซีจิ่วออกมาจากป่าทมิฬได้โดยสวัสดิภาพเป็นความภาคภูมิใจของชาวเฟยซิง โดยเฉพาะหลังจากได้เห็นเพรียกวายุที่กู้ซีจิ่วสยบได้ พวกชาวบ้านก็ไชโยโห่ร้องเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ลู่อู๋ที่เดิมทีหมอบหลับอยู่ในแขนเสื้อของกู้ซีจิ่ว เมื่อได้ยินเสียงมันก็โผล่หัวออกมา เบิกตามองฝูงชนที่อยู่รอบๆ อย่างโง่งม

บนร่างมันมีแสงสีม่วงแผ่ออกมา เสียงไชโยโห่ร้องของชาวบ้านพลันเงียบลงในทันใด!

สัตว์ขั้นแปด! นี่คือสัตว์ขั้นแปด!

ถึงแม้ชาวบ้านจะมองสายพันธุ์ของลู่อู๋ตัวนี้ไม่ออก แต่ก็ยังตัดสินได้ว่ามันเป็นสัตว์ขั้นแปดจากแสงสีม่วงที่แผ่ออกมาจากร่างมัน!

“ซีจิ่ว นี่คือ?” จักรพรรดิซวนเบิกตากว้างอย่างที่หาได้ยาก สบตากับลู่อู๋ตัวนั้น หัวใจเต้นกระหน่ำ

ความจริงแล้วกู้ซีจิ่วไม่อยากให้เจ้าลู่อู๋โผล่หัวออกมา แสงบนร่างเจ้าลู่อู๋โดดเด่นเกินไป แต่พลังยุทธ์ของเธอในตอนนี้ยังอ่อนด้อย

เธอกระเตงมันไว้กับตัวก็เหมือนขอทานน้อยที่แขวนหยกสกุลเหอ เรียกความสนใจจากผู้คนได้อย่างง่ายดาย! โดยเฉพาะความสนใจจากยอดฝีมือผู้เลิศลํ้าเหล่านั้น!

ก่อนหน้านี้กู้ซีจิ่วใส่มันไว้ในถุงเก็บของในแขนเสื้อแล้วชัดๆ นึกไม่ถึงว่ามันจะปีนออกมาด้วยตัวเองในยามนี้!

ขณะที่เธอยังคิดไม่ออกว่าจะตอบคำถามของจักรพรรดิซวนอย่างไร เจ้าลู่อู๋คงรู้สึกว่ามงกุฎบนศีรษะจักรพรรดิซวนน่าสนุก จึงเหยียดร่างกระโจนออกไป พุ่งเข้าใส่มงกุฎเขา

จักรพรรดิซวนตัวแข็งทื่อ!

กู้ซีจิ่วลงมือว่องไว ฉวยเจ้าตัวน้อยกลับมาทันที ยัดเข้าไปในแขนเสื้ออีกครั้ง ก่อนจะขออภัยจักรพรรดิซวน เพียงแต่เธอกล่าวขออภัยยังไม่ทันเสร็จสิ้น ใครบางคนที่อยู่ด้านข้างก็อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “ลู่อู๋! สิ่งนี้คล้ายกับสัตว์วิเศษลู่อู๋!”

หินหนึ่งก้อนสะท้อนพันคลื่น ฝูงชนตื่นตระหนก! ส่งเสียงกันอื้ออึงแล้ว!

……………………

มีการจัดงานเสียงต้อนรับในโรงน้ำชาใหญ่โต

เสียงหัวเราะครึกครื้น กินดื่มกันอย่างรื่นเริง

กู้ซีจิ่วถูกจักรพรรดิซวนจัดให้นั่งในตำแหน่งแขกผู้ทรงเกียรติ องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวและองค์ชายหรงเช่อนั่งขนาบข้างกายเธอ

ประมุขของอาณาจักรนำขบวนข้าราชบริพารมาต้อนรับการกลับมาของกู้ซีจิ่วเช่นนี้ เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่อลังการเหลือเกิน และเป็นความโปรดปรานอย่างหาที่สุดมิได้

ในงานเลี้ยง

ระหว่างงานเลี้ยงจักรพรรดิซวนได้ถามไถ่ “ซีจิ่ว เจ้าออกจากป่าทมิฬได้ภายในเจ็ดวัน ถือเป็นเรื่องน่ายินดีครั้งใหญ่ของอาณาจักรเฟยซิงของพวกเรา เจ้าทำให้อาณาจักรเฟยซิงของพวกเรามีหน้ามีตาแล้ว หัวใจเราปลอดโปร่งปรีดายิ่งนัก เจ้าวางแผนการในอนาคตไว้อย่างไรหรือ?”

เมื่อเขาเอ่ยประโยคคำถามนี้ออกมา สายตาของฝูงชนก็ตกลงบนร่างกู้ซีจิ่ว

เห็นได้ชัดเจนยิ่งนัก จักรพรรดิซวนกำลังถามเรื่องการหมั้นหมายของเธอกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอยู่กลายๆ อยากเห็นว่าเธอจะเลือกทำอย่างไร

กู้ซีจิ่วหลุบตาลงนิดๆ ยังไม่ทันได้แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบ จู่ๆ ขันทีที่อยู่ด้านนอกก็เข้ามารายงาน “ฝ่าบาท ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายส่งผู้คุมกันมู่เฟิงผู้ใต้บังคับบัญชามาแสดงความยินดีกับแม่นางกู้พะย่ะค่ะ!,,

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!