บทที่ 48
วันนี้ช่างบัดซบเสียจริง
เจ้าของที่อยู่เบื้องหลังโรงประมูลนี้มีฐานะพิเศษ ทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่นี้ไม่มีใครกล้าหาเรื่อง เมื่อเข้ามาที่โรงประมูลนี้ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ต้องปฏิบัติตามกฎทั้งสิ้น ไม่อนุญาตให้ก่อเรื่องวิวาท ต่อให้เป็นจักรพรรดิของอาณาจักรเฟยซิงมาเองก็ไม่มีการยกเว้นให้
แต่เมื่อออกจากโรงประมูลนี้ไปแล้ว จะก่อเรื่องทะเลาะวิวาทหรือจะข่มเหงระรานผู้อื่นก็ไม่สำคัญอะไรแล้ว
หากคุณชายน้อยผู้นั้นรั้งอยู่ในโรงประมูลนี้ต่อ องค์ชายหรงฉู่ก็ไม่กล้าทำอะไรเขา แต่ถ้าออกไปแล้วล่ะก็ เหอะๆ!
ฝูงชนได้แต่ไว้อาลัยให้คุณชายน้อยผู้นั้นอยู่ในใจเงียบๆ องค์ชายหรงฉู่นั้นขึ้นชื่อเรื่องความใจดำอำมหิต เขามีอิทธิพลล้นฟ้า ไปล่วงเกินเขาก็เท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ!
คุณชายน้อยผู้นั้นแม้จะพอมีฝีมืออยู่บ้าง แต่อย่างไรเสียก็อายุเพียงสิบกว่าปี ต่อให้แข็งแกร่งแต่จะแกร่งสักแค่ไหนกันเชียว?
จะสามารถหนีรอดการไล่ล่าจากลูกน้องพวกนั้นขององค์ชายสี่ที่ดุเหมือนหมาป่า ร้ายราวกับพยัคฆ์ไปได้อย่างไรกัน?
เกรงว่าต่อจากนี้ไปคงไม่ได้พบคุณชายน้อยผู้หล่อเหลาถึงเพียงนั้นอีกแล้ว น่าเสียดาย น่าเสียดายนัก!
องค์ชายหรงฉู่กวาดตามองห้องรับรองของกู้ซีจิ่ว ม่านมุกกวัดแกว่งไปมา เขามองเห็นเพียงเงาร่างเล็กๆ ที่เลือนลางร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าต่าง เขาต้องการครอบครองหญ้าวิเศษอายุ 3,000 ปี ยามนี้ จึงมุ่งเป้าไปที่กู้ซีจิ่ว “ขอเรียนถามคุณชายท่านนั้น”
มีเสียงตอบกลับมาเบาๆ จากหลังม่านมุกที่ชั้นบน “เชิญองค์ชายสี่”
นํ้าเสียงกระจ่างใสและแฝงเสน่ห์ดึงดูด แม้นํ้าเสียงจะกํ้ากึ่งระหว่างสองเพศแต่ก็ไพเราะยิ่งนัก ทั้งยังไม่รอให้องค์ชายหรงฉู่สรรหาถ้อยคำใดมาเอ่ย เสียงนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยนํ้าเสียงเยาะเย้ย “องค์ชายสี่คงอยากซื้อหญ้าวิเศษต้นนี้ที่อยู่ในมือข้ากระมัง? เกรงว่าคงต้องทำให้องค์ชายสี่ผิดหวังเสียแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าได้รับปากคุณชายน้อยแล้วว่าจะไม่นำสมุนไพรนี้ไปขายต่อ วาจาลูกผู้ชายมีค่าดุจพันตำลึงทอง องค์ชายสี่เองก็เป็นผู้เปี่ยมคุณธรรมผู้หนึ่ง ย่อมไม่บีบบังคับให้ผู้น้อยต้องกลายเป็นคนไม่รักษาสัจจะใช่หรือไม่?”
วาจาหลายประโยคนี้ทำให้องค์ชายหรงฉู่ต้องเก็บถ้อยคำทั้งหมดที่คิดจะกล่าวกลับเข้าไป!
องค์ชายหรงฉู่นิ่งไปสักพัก แล้วยิ้มน้อยๆ “คุณชายคิดมากไปแล้ว ข้าย่อมไม่ข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้า”
คำพูดนั้นสวยหรู ทว่านัยน์ตากลับฉายแววอำมหิตและมีรังสีสังหารขึ้นมาแวบหนึ่ง
วันนี้ช่างบัดซบเสียจริง มีเจ้าเด็กไร้นามกล้ามาลูบคมเขาถึงสองคน! เห็นทีว่าช่วงนี้เขาคงใจดีเกินไปสินะ…
เขานำคนกลับไปยังห้องรับรองของตนเอง
ผู้คนล้วนรูซึ้งถึงนิสัยเจ้าอารมณ์ขององค์ชายหรงฉู่ ดังนั้นภายในใจจึงไว้อาลัยให้อีกฝ่ายด้วยอีกคน เมื่อพายุลูกเล็กๆ นี้พัดผ่านไปเช่นนี้แล้ว หลังจากนั้นการ ประมูลก็ดำเนินต่อไป ของลํ้าค่าหายากอีกหลายชนิดก็ถูกคนทยอยกันประมูลไป กู้ซีจิ่วกอดอกชมเรื่องครึกครื้นตามจุดประสงค์เดิมคือมาที่นี่เพื่อเปิดหูเปิดตาเท่านั้น และไม่คิดจะประมูลสิ่งใดอีก ขณะที่เธอกำลังมองดูความครื้นเครงอยู่ เด็กรับใช้ของโรงประมูลก็ประคองกล่องใบหนึ่งขึ้นมา ครั้งนี้พิธีกรประมูลไม่ให้ผู้คนต้องมองผ่านกล่องเหมือนก่อนหน้านั้นอีก แต่เปิดฝากล่องออก แล้วนำของที่อยู่ในนั้นออกมา หลังจากกู้ซีจิ่วได้เห็นรูปร่างของสิ่งนั้นอย่างชัดเจนก็ถึงกับตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง ดอกไม้ที่ทำจากอัญมณี?
เป็นนาฬิกาข้อมือเหรอ?
ของสิ่งนั้นมีลักษณะคล้ายนาฬิกาข้อมือแบบพับที่ทำเป็นรูปดอกทานตะวัน สร้างโดยการนำอัญมณีแวววาวหลากหลายสีสันมาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน ส่องแสงเหลือบรุ้งพร่างพราย
ยามที่พิธีกรประมูลถือมันไว้ในมือ แสงสีรุ้งนั้นก็สะท้อนอยู่รอบกายของพิธีกรประมูล ประดุจมีรัศมีโอบล้อมอยู่ โดดเด่นสะดุดตาอย่างยิ่ง!
กู้ซีจิ่วเองก็เคยเห็นเพชรพลอยมาไม่น้อย แต่ที่ทำให้ตาพร่าได้ถึงขนาดนี้เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก ต่อให้เป็นเพชรนํ้าหนึ่งก็ยังไม่เปล่งประกายถึงเพียงนี้
เธอยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ จู่ๆ หัวใจก็สั่นไหวขึ้นมา อัญมณีเหล่านี้เหมือนไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ดูคล้ายเป็นของเทียมที่คนสังเคราะห์ขึ้น แต่ว่าในยุคนี้มีอัญมณีปลอมด้วยหรือ? พูดอีกอย่างก็คือการสร้างสรรค์เช่นนี้ดูไม่คล้ายจะมีในยุคนี้…
พิธีกรประมูลที่อยู่ด้านล่างชูของสิ่งนั้นขึ้นสูงๆ “เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้จู่ๆ ก็มีสิ่งนี้เพิ่มเข้ามาในคลังสินค้าของโรงประมูลเรา แต่ไม่มีใครทราบเลยว่าที่แท้แล้วมันทำมาจากวัสดุใด แขกผู้มีเกียรติทุกท่านพอจะมีใครทราบบ้างหรือไม่?”
สายตาทั้งหมดที่จับจ้องไปยังของสิ่งนั้นล้วนเต็มไปด้วยความฉงนสนเท่ห์ เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครทราบ ต่างพากันส่ายหน้าทั้งสิ้น
……………………..
[1] คุนเฝิง เป็นสัตว์ในตำนานตามความเชื่อของจีน แรกเกิดมาเป็นปลายักษ์ร่างกายใหญ่โต มีนามว่าคุน แต่เมื่อมีอายุครบหมื่นปีจะกลายร่างเป็นนกนามว่าเฝิง