บทที่ 480
กลางวนคิดคำนึง กลางคืนใฝ่ฝันหา 3
ตี้ฝูอีชะงักค้างอย่างที่ยากจะได้เห็น 3 อึดใจ! รอจนปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาถึงเข้าใจความหมายของเจ้าบัดซบผู้นี้ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดำทะมึน!
เขาแสยะยิ้ม “ดีเหลือเกิน!”
ฝ่าเท้าพุ่งออกไปโดยพลัน เตะเจ้าคนที่เพ้อเจ้อไปถึงไหนต่อไหนจนกระเด็นลงไปในสระ!
มู่เหลยตกน้ำเสียงดังตูม อีกทั้งตอนที่เขาตกนํ้ายังมีวาจาเย็นยะเยือกของเทพศักดิ์สิทธิ์ไล่หลังมาด้วย “เจ้าลงไปสงบสติในนั้นซะ! เติมน้ำเข้าไปในสมองกลวงๆ เสียบ้าง!”
ลูกเตะนี้ไม่เบาเลย มู่เหลยหมุนคว้างอยู่ในน้ำตั้งนานกว่าจะโผล่ศีรษะขึ้นมาได้
เพียงแต่ในที่สุดเขาก็กระจ่างแล้วว่าตนเข้าใจท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผิด จึงทั้งสบายใจและละอายใจยิ่งนัก ไม่มีคำสั่งจากเทพศักดิ์สิทธิ์เขาจึงไม่กล้าขึ้นฝั่ง “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ข้าน้อย…ข้าน้อยทราบความผิดแล้วขอรับ…”
ตื่ฝูอีนั่งลงอีกครั้ง มองเขาอย่างเย็นชา “สมองตื่นตัวแล้วรึ?”
“ขอรับ! ข้าน้อยเลวทราม! ขอท่านเทพศักดิ์สิทธิ์โปรดลงทัณฑ์”
“รีบไสหัวขึ้นมาบนฝั่งเสียก่อน!”
ด้วยเหตุนี้มู่เหลยจึงขึ้นมาบนฝั่งอย่างระมัดระวัง แล้วค่อยๆ ทำความสะอาดนํ้าบนร่างกาย จากนั้นคุกเข่าลงใหม่อีกครั้ง “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์”โปรดลงทัณฑ์’’
ตี้ฝูอีคร้านจะพูดจาไร้สาระกับเขาให้มากความอีก “ช่วยตรวจสอบเรื่องหนึ่งให้ข้าก่อน หากจัดการได้ดี จะหักล้างกับความผิด หากจัดการได้ไม่ดีจะถูกลงโทษสองข้อหา ข้าจะส่งเจ้าไปเป็นชายบำเรอที่หอโคมเขียวด้วยตัวเอง!”
บทลงโทษเช่นนี้น่าหวาดหวั่นโดยแท้!
มู่เหลยหนาวสะท้าน รีบตอบทันที “ข้าน้อยจะทุ่มเทจัดการเรื่องราวที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มอบหมายให้ดีขอรับ!”
“เจ้าจงไปตรวจสอบดูทันทีว่าเขตแดนของยอดเขาที่หกถูกคนทำลายเสียหายหรือไม่ แล้วไปตรวจสอบร่องรอยการต่อสู้ ณ ยอดเขาที่สามว่ามีเหตุที่เกิดจากศพพิษอะไรหรือไม่ ตรวจสอบให้ ชัดเจนแล้วกลับมารายงานข้า”
“ขอรับ!” มู่เหลยไม่กล้าชักช้า หันกายจากไปทันที
หนึ่งชั่วยามให้หลัง มู่เหลยก็ใช้ป้ายหยกเชื่อมต่อกับกระจกโบราณของตี้ฝูอีแล้วรายงานเขา “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ เขตแดนตรงมุมตะวันตกเฉียงใต้ของยอดเขาที่หกชำรุดจริงๆ ด้วยขอรับ พอที่จะให้คนผู้หนึ่งฝืนผ่านเข้าไปได้..”
“มองออกหรือไม่ว่าพังเสียหายด้วยวรยุทธ์ประเภทใด?”
“…ข้าน้อยไร้ความสามารถ มองไม่ออกขอรับ” มู่เหลยใช้ป้ายหยกฉายสภาพเขตแดนนั้นให้ตี้ฝูอีดู
ตี้ฝูอีมองจุดที่เสียหายครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วนิดๆ
เขตแดนที่ตนเองเป็นผู้ติดตั้งตัวเขาย่อมกระจ่างแจ้งดี วรยุทธ์ของมนุษย์เช่นพวกหลงซือเย่ไม่สามารถทำลายให้เสียหายได้ ต่อให้พวกเขาฝืนทำลายสิ่งนี้ ก็จะทำให้ตี้ฝูอีรับรู้ได้ทันที แต่เท่าที่เห็นจุดที่เสียหายมิใช่ร่องรอยที่เกิดขึ้นใหม่ น่าเกิดขึ้นประมาณ 1 เดือนก่อน ทว่าเขากลับไม่สังเกตเห็นเลยสักนิด…
ผู้ที่ทำให้เขตแดนเสียหายได้ย่อมไม่ธรรมดา! เป็นผู้ใดกัน?
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม มู่เหลยก็รายงานเขาอีกครั้ง “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ขอรับ ริมแม่น้ำสลายกระดูกระหว่างยอดเขาที่สามและยอดเขาที่สี่เคยเกิดการต่อสู้ขึ้นจริงๆ พบร่องรอยวิชาบัวอัคคีของหลงซือเย่ด้วย…วิชาบัวอัคคีของเขาก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่ง ดูเหมือนจะเป็นขั้นเก้าแล้ว!”
ตี้ฝูอีเงียบงัน
เขาเข้าใจวรยุทธ์ของหลงซือเย่เป็นอย่างดี หลงซือเย่เชี่ยวชาญการจู่โจมด้วยพลังวิญญาณธาตุไม้ พลังวิญญาณธาตุไม้ของเขาฝึกฝนถึงขั้นเก้าแล้ว แต่พลังวิญญาณธาตุไฟเป็นเพียงธาตุรองของเขา อยู่ในขั้นหกเท่านั้น เหตุผลที่แสดงประสิทธิภาพของขั้นเก้าออกมาได้น่าจะเป็นเพราะกู้ซีจิ่วช่วยเหลืออยู่ข้างๆ
กู้ซีจิ่วสันทัดพลังวิญญาณธาตุลม ลมเกื้อหนุนไฟ…
ภายใต้พลังวิญญาณธาตุไฟขั้นเก้า ไม่มีสิ่งใดไม่ถูกเผาจนมอดไหม้ ศพพิษสองตัวนั้นก็คงจะถูกเผาจนวายวอด แม้แต่เถ้าธุลีก็หาไม่พบ!
ยอดเขาที่สามไม่มีเบาะแสใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับศพพิษ เห็นทีคงทำได้เพียงต้องไปพบผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เสียแล้ว
เงาร่างกู้ซีจิ่วคล้ายจะแวบขึ้นมาเบื้องหน้า ตี้ฝูอีใจเต้นนิดๆ เขานึกถึงจูบนั้นขึ้นมาอีกครา ความรู้สึกยามที่กายอุ่นนุ่มนิ่มนั้นอยู่ในอ้อมกอด…
โลหิตในกายสูบฉีดอย่างรวดเร็ว…
ตี้ฝูอีกำมือแน่น!
…………………………
[1] นักรบสละข้อมือ อุปมาถึง ตัดสินใจเฉียบไว สละส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนมาก