บทที่ 500
พบพานสหายเก่า 5
เจ้าหอยยักษ์ไม่พอใจ “ท่านคิดจะถ่ายเบาในกระท่อมหรือ? วางใจเถิด ฝนตกหนักเช่นนี้คงไม่มีใครมาหรอก ไม่จำเป็นต้องดูต้นทาง ไม่มีใครมาแอบดูหรอก”
กู้ซีจิ่วไม่พูดไม่จาหยิบมันขึ้นมา โยนออกไปนอกประตู “พูดเหลวไหลให้น้อยลงหน่อย เฝ้ายามอยู่ด้านนอกซะ”
เจ้าหอยยักษ์ไม่อยากจะเชื่อ “เจ้านาย ในสภาพอากาศฝนฟ้าคะนองเช่นนี้ ท่านจะให้ข้าตากฝนอยู่ข้างนอกหรือ?”
กู้ซีจิ่วกอดอกมองมัน “หอยอย่างเจ้ากลัวเปียกฝนด้วยหรือ?”
เจ้าหอยยักษ์เถียงไม่ออก
ใช่แล้ว อันที่จริงฝนฟ้าคะนองเช่นนี้เป็นโอกาสเหมาะที่มันจะดูดซับพลังวิญญาณจากฟ้าดิน เพียงแต่ยามปกติมันค่อนข้างเกียจคร้าน ขี้เกียจปีนขึ้นไปดูดซับบนพื้นดิน…
“เจ้าหอยยักษ์คืนนี้อาจมีคนประสงค์ร้ายต่อกระท่องหลังนี้ ลำบากเจ้าแล้ว คืนนี้เจ้าเฝ้ายามให้ดี พรุ่งนี้ข้าจะให้เจ้ากินของอร่อย” กู้ซีจิ่วส่งเสียงหามัน
เมื่อได้ยินว่าจะมีของอร่อย เจ้าหอยยักษ์ก็กระดือรือร้นขึ้นมาทันที
ประสาทสัมผัสของมันว่องไวยิ่ง สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวในระยะหนึ่งลี้ ต่อให้มีแมลงวันสักตัวผ่านทางมามันก็สามารถรับรู้ได้
ยามนี้กระท่อมของกู้ซีจิ่วเสมือนเกาะเดียวดาย ไม่มีผู้ใดมาเยือน
ถ้ามีคนร้ายต้องการกระทำเรื่องชั้วช้า เมื่อเห็นว่ามีมันเฝ้ายามอยู่ด้านนอกไม่แน่อาจจะไม่กล้าลงมือ เช่นนั้นมิใช่ว่ามันต้องเฝ้ายามโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ?
เจ้าหอยยักษ์ครุ่นคิด แล้วมุดลงไปในดินเสียเลย ชูเพียงรยางค์เส้นหนึ่งขึ้นมารับรู้ความเคลื่อนไหวภายนอก
ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยามราตรีเงียบสงบ ในโลกนี้คล้ายจะเหลือเพียงเสียงลมเสียงฝน…
ไม่ทราบว่าผ่านไปเนิ่นนานเท่าใด เจ้าหอยยักษ์รอจนแทบจะหลับแล้ว
คิดคำนวณอยู่ในใจ เจ้านายวิตกจริตเกินไปกระมัง? ใครที่ไหนจะมาทำลายกระท่อมนางกัน?
ขณะที่มันบ่นอุบอิบในใจ ทันใดนั้นก็ดูเหมือนจะสัมผัสถึงอะไรบางอย่างได้ รยางค์หมุนเป็นวงอยู่ที่เดิม จากนั้นมันก็สัมผัสได้ว่ามีคนสองคนกำลังทะยานมาทางด้านนี้…
แม่งเอ้ย มาจริงๆ ด้วย! เจ้านายผู้ปราดเปรื่อง!
รยางค์หนวดเจ้าหอยยักษ์ชี้โด่เด่ขึ้นมาดั่งสายไฟ แน่นอนว่าสถานที่ที่มันอยู่มีหญ้าขึ้นรกชัฏ ต่อให้รยางค์ของมันชี้เด่ขึ้นมา คนนอกก็มองไม่เห็น
ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายในยามราตรี มีคนสองคนปรากฎขึ้นมาอย่างฉับพลัน
วิชาตัวเบาของสองคนนี้ลํ้าเลิศยิ่ง เหินทะยานด้วยความเร็วสูงและไร้ซึ่งสุ้มเสียง พวกเขาเข้าใกล้กระท่อมศิลาของกู้ซีจิ่วอย่างรวดเร็ว เงี่ยหูฟังเสียงครู่หนึ่ง
พวกเขาหูดีจนน่าตกใจ สามารถได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วๆ ของคนที่อยู่ในกระท่อมท่ามกลางเสียงลมฝนโหมกระหน่ำได้ เห็นได้ชัดเจนว่าคนที่อยู่ในกระท่อมหลับสนิทแล้ว
สองคนนี้สบตากันแวบหนึ่ง พยักหน้านิดๆ ลงมือทันที คลื่นแสงสองสายพุ่งเข้าใส่กระท่อมศิลาเขียวของกู้ซีจิ่วพร้อมกัน!
สายฝนสาดกระจายเมื่อถูกคลื่นแสงสองสายนี้กระทบใส่ ราวกับพายุสลาตันพัดผ่านสายฝน ล่องลอยไปตามคลื่นแสงสองสายนี้…
เห็นได้ชัดเจนว่า คลื่นแสงสองสายนี้ทรงอานุภาพยิ่ง หากกระท่อมของกู้ซีจิ่วถูกคลื่นแสงสองสายนี้โจมตีใส่ คงระเบิดเป็นเสี่ยงๆ แน่!
เช่นนั้นกู้ซีจิ่วคงทำได้เพียงนอนหลับท่ามกลางฟ้าฝน แม้แต่ที่พักสักหลังก็ไม่มี…
เมื่อเห็นว่าคลื่นแสงสองสายนั้นกำลังจะโจมตีใส่กระท่อม ทันใดนั้นพลันเกิดเสียงดังฟุ่บ จู่ๆ เงาแสงสีชมพูเส้นหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาจากด้านหน้ากระท่อมหลังนั้นกะทันหัน…
คลื่นแสงสองสายนั้นปะทะเข้ากับเงาสีชมพูสายนั้น เกิดเสียงโครมดังสนั่น
เงานั้นมั่นคงดั่งขุนเขา แม้แต่ทีท่าจะสั่นไหวสักนิดก็ไม่มี
นั่นคือสิ่งใดกัน? ไม่น่าจะใช่เขตแดนกระมัง?
สองคนนั่นสบตากับแวบหนึ่งด้วยความประหลาดใจ ร่างกายวูบไหว พุ่งเข้าหาเงาสายนั้น
ยังไม่ทันพุ่งไปถึงด้านหน้า เงาแสงสีชมพูนั้นพลันฟาดใส่คนทั้งสองทันที หนูน้อยที่มีร่างกายใหญ่มหึมาโผล่ออกมาจากเงามืด คนทั้งสองเกือบจะชนร่างหนูน้อยผู้นั้นแล้ว! รีบถอยหลังไปทันที…
“ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าจากไปเลย มาเป็นอาหารของข้าเถอะ” หนูน้อยอ้าปากอย่างน่าสยดสยอง สองมืออวบอ้วนเป็นปล้องๆ แกว่งออกไป ควันดำสายหนึ่งพ่นออกมา ปกคลุมคนทั้งสองไว้ในชั่วพริบตา…