บทที่ 501
กับดัก 1
ควันดำสายหนึ่งพ่นออกมา ปกคลุมคนทั้งสองไว้ในชั่วพริบตา…
เห็นได้ชัดว่าสองคนนั้นไม่ได้คาดเดาถึงสิ่งนี้ไว้ แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขานับว่ารวดเร็ว พอเห็นท่าไม่ดีก็รีบกลั้นหายใจทันที แกว่งดาบฟันออกไปตามสัญชาตญาณ แต่ปลายดาบยังไม่ทันถูกร่างหนูน้อยผู้นั้น ตัวคนก็แน่นิ่งเข้าสู่ภาพมายาไปแล้ว…
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มออกหมัดเตะต่อยอยู่ที่เดิม พ่นคำพูดเพ้อเจ้อออกมาจากปาก ประเดี๋ยวเกรี้ยวโกรธประเดี๋ยวสุขสมดั่งคนบ้าก็มิปาน…
หนูน้อยผู้นั้นก็คือเจ้าหอยยักษ์ เมื่อครู่พอสองคนนั้นลงมือโจมตีมันก็ขยายร่างให้ใหญ่ขึ้นทันที ใช้เปลือกหอยมหึมาสกัดการโจมตีที่เหมือนพายุฝนอันบ้าคลั่งสองสายนั้นไว้
ยามนี้ได้ทำให้สองคนนั้นเข้าสู่ภาพมายาแล้ว มันพึงพอใจมาก เขย่าฝาหอยไปมา
ถึงแม้การโจมตีของสองคนนั้นจะไม่ได้ทำให้แก่นแท้ของมันบาดเจ็บ แต่มันก็เจ็บปวดเล็กน้อย ความขุ่นเคืองย่อมไม่น้อย
พิษมายาหลอนลวงของมันสามารถขุดค้นเรื่องราวที่อยู่ในก้นบึ้งของจิตใจคนออกมาได้ หวาดเกรงสิ่งใดสิ่งนั้นยิ่งจะออกมา แล้วคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจที่สุดก็จะปรากฎตัวออกมา…
คนที่อยู่เบื้องหน้าทั้งสองคนนี้หวาดกลัวยิ่ง ออกหมัดเตะต่อยอยู่สักพัก พยายามดิ้นรนก่นด่าอย่างสุดชีวิตอยู่ในภาพมายา ทั้งสองคนนี้ก่นด่าคนได้พร้อมเพรียงนัก ผู้ที่ถูกด่าคืออาจารย์ที่ปรึกษาผู้ชั่วช้าของพวกเขา ระบายความไม่พอใจทั้งหมดที่พวกเขามีต่ออาจารย์ที่ปรึกษาออกมา กล่าวทักทายบรรพบุรุษแปดชั่วโคตรของอาจารย์ที่ปรึกษาของพวกเขา…
เจ้าหอยยักษ์อ้าฝาฟังอยู่ด้านข้าง ใบหน้าของหนูน้อยเปี่ยมด้วยรอยยิ้มหลอน
ทำให้กู้ซีจิ่วที่ออกมาตรวจสอบสถานการณ์มองเห็นแล้วรู้สึกหนาวสะท้านในหัวใจ อดจะตบฝามันเบาๆ ไม่ได้ “อย่ายิ้มเหมือนตุ๊กตาในหนังสยองขวัญสิ”
จากการก่นด่าด้วยความโกรธแค้นสองคนนี้ กู้ซีจิ่วจึงทราบว่าพวกเขาคือศิษย์ในชั้นเรียนเมฆาคล้อย การมาหนนี้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพวกเขาส่งมา…
นี่ก็คือพยานบุคคล กู้ซีจิ่วหยิบยันต์บันทึกเสียงขึ้นมา บันทึกเสียงก่นด่าด้วยความโกรธทั้งหมดของสองคนนั้นลงไป
บันทึกไปได้ไม่เท่าไหร่ ในที่สุดคนที่ทั้งสองไว้เนื้อเชื่อใจที่สุดก็ปรากฎตัวขึ้นมาในห้วงมายาแล้ว คนที่พวกเขาไว้ใจที่สุดคือคนๆ เดียว…เยี่ยนเฉิน!
เจ้าหอยยักษ์คิดจะยื่นมือออกไปชักจูงสองคนนั้นให้เสร็จสิ้นกระบวนการ กู้ซีจิ่วจับเท้าน้อยๆ ของมันเอาไว้ทันที “ห้ามกิน!”
เจ้าหอยยักษ์มีสีหน้าไม่พอใจ มองดูสองคนนั้นแล้วมองดูกู้ซีจิ่ว จากนั้นก็ต่อรองกับเธอ “ละมั่งย่างสองตัว!”
กู้ซีจิ่วไม่คิดจะตามใจมัน ชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว “ละมั่งย่างตัวเดียว เจ้าหอยยักษ์ เจ้าจะกินมนุษย์ที่นี่ไม่ได้ มิเช่นนั้นเจ้าจะถูกจับไปตุ๋นน้ำแกง!”
เจ้าหอยยักษ์ค่อนข้างเหยียดหยาม “พวกเขาไม่มีฝีมือถึงเพียงนั้น เจ้านาย ข้ารู้สึกว่าคนของสำนักศึกษาแห่งนี้ก็ไม่เท่าไหร่เช่นนี้แหละ ติดกับข้าง่ายดายยิ่ง”
ทำให้มันรู้สึกวุ่นอยู่ไม่เท่าไหร่ก็จบเสียแล้ว
กู้ซีจิ่วส่ายหน้านิดๆ “นั่นเป็นเพราะเจ้ายังมิเคยพานพบยอดฝีมือตัวจริง”
จวบจนยามนี้ เจ้าหอยยักษ์เคยประมือกับหูชิงชิงและสองคนนี้เท่านั้น แถมวรยุทธ์ข้งสามคนนี้ก็ไม่นับว่าโดดเด่นในสำนักชุมนุมสวรรค์แห่งนี้…
ยอดฝีมือตัวจริงยังมิเคยได้เผยโฉมออกมา ยกตัวอย่างเช่นเยี่ยนเฉินผู้นั้น…
สองคนนั้นถูกเจ้าหอยยักษ์ปล่อยตัวออกมาจากห้วงมายา อยู่ในนั้นพวกเขาสูญเสียพลังวิญญาณไปไม่น้อย ร่างกายอ่อนล้า แทบจะอ่อนยวบแล้ว
เมื่อพวกเขาเห็นกู้ซีจิ่วยืนอยู่ตรงประตูก็สะดุ้งโหยง คิดหลบหนีตามสัญชาตญาณ กู้ซีจิ่วก็ไม่ขัดขวาง เพียงปลดปล่อยยันต์บันทึกเสียงออกไป…
สีหน้าสองคนนั้นเขียวคลํ้า คิดจะก้าวเข้ามาชิง แต่ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงมากนัก อีกทั้งยังมีเจ้าหอยยักษ์และเพรียกวายุยืนขนาบซ้ายขวาข้างกายกู้ซีจิ่ว จับจ้องพวกเขาไม่วางตา
สองคนนี้เป็นศิษย์ลำดับท้ายๆ ของชั้นเรียนเมฆาคล้อย เกือบถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เนื่องจากเคยทำผิดพลาด พวกเขาพยายามขวนขวายทุกวิถีทางถึงได้รับโอกาสให้อยู่ในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ต่อ ปกติจะวางตัวอย่างระมัดระวังยิ่ง หวาดหวั่นว่าจะก้าวผิดอีก