Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 564

บทที่ 564 ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หนุนหลังนาง 6

ที่แท้ เรื่องราวง่ายดายยิ่งนัก เจ้าหอยยักษ์กำลังล่าสัตว์ เชียนหลิงอวี่ก็กำลังล่าสัตว์ ทั้งสองบังเอิญพบกัน เจ้าหอยยักษ์ไม่อยากกินอาหารดิบๆ อยู่พอดี จึงลากเชียนหลิงอวี่มาย่างเนื้อให้มัน หนึ่งคนหนึ่งหอยเลือกทะเลสาบที่มีทิวทัศน์งดงามและสะดวกต่อการล้างเนื้อล้างตัวแห่งนี้ คาดไม่ถึงว่าพอย่างไปได้ครึ่งหนึ่ง เชียนหลิงอวี่ก็พบกับศิษย์ของชั้นเรียนเมฆาม่วงกลุ่มนี้ พวกเขาก็มาย่างเนื้อที่ริมทะเลสาบแห่งนี้เหมือนกัน

เดิมทีทะเลสาบใหญ่โตถึงเพียงนี้ทุกคนต่างคนต่างย่างเนื้อก็ไม่มีอะไรแล้ว

แต่พวกเชียนหลิงเทียนกลับเห็นเชียนหลิงอวี่ขัดหูขัดตา ยิ่งเห็นเจ้าหอยตัวนี้ก็ยิ่งขัดหูขัดตากว่าเดิม ดังนั้นพวกเขาเลยเข้ามาไล่ที่ให้เชียนหลิงอวี่พาเจ้าหอยตัวนี้ไสหัวไปให้ไกล

ศิษย์ของชั้นเรียนเมฆาม่วงชอบข่มเหงศิษย์ในชั้นเรียนเมฆาคล้อยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดยเฉพาะศิษย์รั้งท้ายของชั้นเรียนเมฆา

คล้อยอย่างเชียนหลิงอวี่ ยิ่งตกเป็นเป้าหมายที่พวกเขารังแกบ่อยๆ

ในอดีตถ้าเชียนหลิงอวี่มองเห็นพวกเขาอยู่ไกลๆ ย่อมไม่ประจันหน้ากับพวกเขา แต่หนนี้กลับแตกต่างออกไป หนนี้มีเจ้า

หอยยักษ์อยู่ และเจ้าหอยยักษ์ก็เป็นสัตว์เลี้ยงของกู้ซีจิ่ว…

เชียนหลิงอวี่เกรงว่าจะเสียหน้าต่อหน้ากู้ซีจิ่ว ย่อมไม่อยากให้เจ้าหอยยักษ์เห็นฉากที่ตนถูกรังแกไปด้วย ดังนั้นเขาจึงต่อปากต่อคำกับคนกลุ่มนี้หลายประโยคอย่างที่พบเห็น ได้ยาก เจ้าหอยยักษ์ก็มิใช่ผู้ที่จะยอมถูกรังแก มันต่อปากต่อคำกับคนเหล่านั้นยิ่ง โต้เถียงก็ยิ่งคึกคัก ด้วยเหตุนี้พอคำพูดของทั้งสองฝ่ายไม่ลงรอยกัน จึงเกิดการต่อสู้ขึ้น….

เริ่มแรกคนเหล่านี้มิได้เห็นเจ้าหอยยักษ์อยู่ในสายตาจริง ๆ และไม่คิดจะต่อสู้กับมัน ดังนั้นเลยส่งสัตว์เลี้ยงของตนไปสู้กับมัน ผลคือ…

ถูกเจ้าหอยยักษ์เขมือบทั้งสองตัว…

คนเหล่านี้จึงไม่ยอมเลิกรายิ่งกว่าเก่า ปราดเข้ามาลงมือด้วยตัวเอง

เชียนหลิงอวี่ก้าวมาขวางไว้อย่างองอาจ เลยถูกซ้อมจนสลบไป เจ้าหอยยักษ์เลยสู้กับพวกเขาทั้งห้าคนเพียงลำพัง…

จากนั้นก็บานปลายมาเป็นเหตุการณ์เฉกเช่นที่กู้ซีจิ่วเห็น…

ความจริงแล้วยามที่กู้ซีจิ่วเพิ่งได้ยินถ้อยคำตอนแรกเริ่มเหล่านั้นของพวกเขา ก็นึกว่าเจ้าหอยยักษ์ของบ้านตนช่างตะกละเหลือเกิน เขมือบทุกอย่าง เขมือบสัตว์วิญญาณที่เป็นพาหนะของผู้อื่นเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นจึงก่อให้ เกิดเหตุวิวาทนี้ขึ้น ในใจยังรู้สึกผิดอยู่บ้าง คิดอยู่ว่าเมื่ออกไปก็จะขอโทษขอโพยต่อผู้อื่น หาทางชดเชยให้…

ต่อมาพอเห็นเรื่องราวทั้งหมดมิใช่อย่างที่เห็น ความรู้สึกผิดในใจเธอก็จางลง…

ยามนี้ เมื่อได้ทราบต้นสายปลายเหตุอย่างกระจ่างแจ้ง เธอพลันยิ้มอย่างเย็นชาทันที!

ในเมื่อเป็นการประลองกันตัวต่อตัวระหว่างสัตว์เลี้ยง เช่นนั้นย่อมต้องมีแพ้มีชนะเป็นธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นคือคนเหล่านี้รังแกเจ้าหอยยักษ์ของบ้านเธอก่อน!

กู้ซีจิ่วถามอีกว่าสัตว์เลี้ยงสองตัวที่ถูกกินเป็นชนิดใด

เป็นสิงโตครามหนึ่งตัว เสือเขี้ยวดาบหนึ่งตัว…

ด้วยเหตุนี้ความรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ยังตกค้างอยู่ในใจกู้ซีจิ่วจึงโบยบินหายไปอย่างไร้ร่องรอย!

ทั้งสองชนิดนี้ ล้วนเป็นสัตว์ร้ายที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร เด็กหนุ่มพวกนี้ส่งสัตว์เลี้ยงวิญญาณสองตัวนี้ออกมาสู้กับเจ้าหอยยักษ์ เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาร้าย คิดจะให้สัตว์วิญญาณ ของตนขย้ำเจ้าหอยยักษ์เสีย…

ในเมื่อเป็นเช่นนี้พานพบอริบนทางแคบผู้ที่ห้าวหาญกว่าย่อมคว้าชัย ยังจะมีอะไรต้องพูดอีกเล่า?

กู้ซีจิ่วมองเตาย่างที่ถูกก่อไว้ริมทะเลสาบ จากนั้นก็มองเด็กหนุ่มกลุ่มนั้นกล่าวอย่างตรงไปตรงมายิ่ง “ในเมื่อเจ้าหอยยักษ์เข้า

ครอบครองที่นี่ก่อน เช่นนั้นก็ขอภัยด้วย ข้าต้องการไล่ที่!”

เด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าเหล่านั้นตั้งท่าจะโวยวายอีกครั้ง ทว่า กู้ซีจิ่วโบกยันต์บันทึกเสียงในมือไปมา “พวกเจ้าต่อสู้แย่งชิงอาณาเขตแห่งนี้กับข้าต่อก็ได้ แต่ยันต์บันทึกเสียงแผ่นนี้ก็จะถึงมือท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ในวันรุ่งขึ้น หรือจะยอมจากไปอย่างรู้ความก็ได้ เห็นแก่ที่เป็นศิษย์ในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ด้วยกัน ข้าจะไม่เอาความ เรื่องที่พวกเจ้าทำร้ายเจ้าหอยยักษ์ของบ้านข้า ขอเพียงพวกเจ้าจากไปเสีย ข้าจะทำลายยันต์บันทึกเสียงแผ่นนี้ทิ้ง เรื่องนี้พวกเราก็เลิกแล้วกัน ไปซะ พวกเจ้าจะเลือกทางใดเล่า?”

เด็กหนุ่มกลุ่มนี้รู้สึกเสียเปรียบยิ่งนัก พวกเขาทำร้ายเจ้าหอยตัวนั้นก็จริง แต่หอยตัวนั้นก็เขมือบสัตว์วิญญาณของพวกเขาไปสองตัวมิใช่หรือ?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version