Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 566

บทที่ 566 ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หนุนหลังนาง 8

ยามอยู่ที่ตระกูลเชียน เชียนเฟิงเทียนเป็นเด็กรับใช้ยามเรียนของเชียนหลิงอวี่ และเป็นเพื่อนเล่นของเขาด้วย

ตอนเชียนหลิงอวี่เข้าเรียนที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ อายุยังน้อยนัก บิดามารดาของเขาไม่วางใจ ต้องการส่งเด็กรับใช้ยามเรียนสักคนเข้าไปปรนนิบัติรับใช้เขา

ทว่าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์มีกฎ ศิษย์ทั้งหมดไม่ได้รับอนุญาตให้นำข้ารับใช้มาด้วย ดังนั้นในเมื่อยัดเข้ามาอย่างโจ่งแจ้งมิได้ จึงทำได้เพียงส่งเข้ามาแบบอ้อมๆ เท่านั้น

เมื่อก่อนเชียนเฟิงเทียนก็เป็นอัจฉริยะเช่นกัน เพียงแต่แรกเริ่มมีพลังวิญญาณขั้นห้าตอนกลางเท่านั้น ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอจะเข้าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ แต่เขาประสบเรื่องราวน่าอัศจรรย์ ยามอายุได้เจ็ดแปดขวบบังเอิญเก็บโอสถวิญญาณเม็ดหนึ่งได้ หลังจากกินเข้าไปพลังวิญญาณก็บรรลุขั้นหกทันที เขาอาสามาเป็นเด็กรับใช้ยามเรียนข้างกายเชียนหลิงอวี่ที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ด้วยตัวเอง ดังนั้นตระกูลเชียนจึงส่งเขามา และนับว่าเขามีโชค จัดพลัดจับผลูผ่านเข้า มา กลายเป็นศิษย์ในชั้นเรียนเมฆาคล้อย

เชียนเฟิงเทียนวางตัวได้ดียิ่ง กลางวันฝึกฝนในชั้นเรียนเมฆาคล้อย ตกกลางคืนก็ไปเป็นเด็กรับใช้ยามเรียนให้เชียนหลิงอวี่ที่นั่น ตามปรนนิบัติรับใช้ เขารับใช้อย่างเหมาะสมยิ่งนัก ยามนั้นเชียนหลิงอวี่ถือเขาเป็นสหายจริงๆ นำเนื้อหาที่ตนได้เรียนรู้ในชั้นเรียนเมฆาม่วงมาถ่ายทอดให้แก่เขา…

ดังนั้นถึงแม้ เชียนเฟิงเทียนจะเรียนอยู่ในชั้นเรียนเมฆษคล้อย ทว่าสิ่งที่เรียนกลับเป็นเนื้อหาในชั้นเรียนเมฆาม่วง

จากนั้นไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ครั้งหนึ่งระหว่างที่ฝึกฝนอยู่จู่ๆ เชียนหลิงอวี่ก็ถูกธาตุไฟเข้าแทรกกะทันหัน เกือบจะสิ้นชีพแล้ว

ต่อมาถึงแม้จะช่วยชีวิตไว้ได้ แต่พลังกายกลับเสื่อมถอย ระดับพลังวิญญาณลดทอนลงไปมาก ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือพลังยุทธ์ของเขายิ่งฝึกฝนยิ่งถดถอย…

แน่นอน พอไม่ฝึกฝนแล้ว พลังยุทธ์กลับถดถอยหนักว่าเก่า…

ตอนแรกอาจารย์ใหญ่กู่เชื้อเชิญ หมอหลายท่านมารักษาให้เขา แต่หมอทั้งหมดกลับลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกัน บอกว่าชีพจรหลักเส้นหนึ่งที่สำคัญยิ่งในร่างกายเขาได้รับความเสียหาย ไม่มีทางฟื้นฟูได้

เชียนหลิงอวี่อายุยังน้อยก็ต้องได้รับความสะเทือนใจเช่นนี้ย่อมฉุนเฉียวง่ายเป็นธรรมดา อารมณ์ก็ไม่ดีไปด้วย

ในยามนี้เอง เรื่องที่เขานำเชียนเฟิงเทียนมาเป็นเด็กรับใช้ยามเรียนก็แดงขึ้น จึงก่อให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้น และประจวบกับ ยามนี้เชียนเฟิงเทียนถูกตรวจสอบพบว่ามีพลังวิญญาณขั้นเจ็ด เป็นม้ามืดตัวหนึ่งพบเห็นได้ยาก!

สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ไม่ดูประวัติความเป็นมา ขอเพียงเป็นผู้มีความสามารถก็พอ ด้วยเหตุนี้เชียนเฟิงเทียนจึงได้เข้าสู่ชั้นเรียนเมฆาม่วง…

ผู้คนยังคงเห็นผู้ที่อ่อนแอเสมอ โดยเฉพาะผู้อ่อนแอที่บากบั่นจนประสบความสำเร็จเช่นเชียนเฟิงเทียน และไม่ทราบว่าตั้งแต่ยามไหนกัน ที่มีข่าวลือภายในชั้นเรียนว่าเชียนหลิงอวี่กลั่นแกล้ง เชียนเฟิงเทียน แถมนับวันข่าวลือยิ่งไม่เข้าท่ามากขึ้นเรื่อยๆ เชียนหลิงอวี่ค่อยๆ ถูกทำให้โดดเดี่ยว อีกทั้งเขาเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวคนหนึ่ง เคยล่วงเกินผู้อื่นหลายคน ภายใต้การสุมไฟเช่นนี้เชียนหลิงอวี่จึงเข้ากับชั้นเรียนเมฆาม่วงไม่ได้อย่างสมบูรณ์ ถูกย้ายไปอยู่ชั้นเรียนเมฆาคล้อย…

หลังจากเชียนเฟิงเทียนก็เข้ากับชั้นเรียนเมฆาม่วงได้ดีดั่งมัจฉาได้วารี แต่สถานการณ์ของเชียนหลิงอวี่กลับเลวร้ายลงเรื่อยๆ

อาจารย์ใหญ่กู่ย้ายเขาไปที่ชั้้นเรียนเมฆาคล้อยน่าจะเป็นเพราะต้องการกระตุ้นให้เขาฮึดสู้ขึ้นมา แต่เขาอายุยังน้อยยิ่งมาประสบพบเจอเรื่องราวเช่นนี้จึงเปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหว นิสัยก็เปลี่ยนไปมาก เริ่มกลายเป็นดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น กลายเป็นเอ้อระเหยลอยชาย อยู่ในชั้นเรียนเมฆาคล้อยก็ชอบก่อปัญหา กลายเป็นศิษย์ที่ทำให้อาจารย์ปวดหัวเป็นที่สุดคนหนึ่ง

หากมิใช่ว่าพื้นฐานแรกเริ่มของเขายอดเยี่ยมเหลือเกิน ทำให้อาจารย์ใหญ่กู่ยังคาดหวังในตัวเขาอยู่บ้าง เกรงว่าเขาคงถูกตะเพิด

กลับตระกูลเชียนไปนานแล้ว!

ส่วนเชียนเฟิงเทียนเนื่องจากได้เข้าชั้นเรียนเมฆาม่วง ทำให้เกิดการโต้เถียงครั้งใหญ่ในตระกูลเชียน

ประมุขสกุลเชียนเป็นผู้ เปลี่ยนอักษรตัวกลางในนามเขาด้วยตัวเอง เปลี่ยนชื่อเป็นเชียนหลิงเทียน

อักษร ‘หลิง’ มีเพียงทายาทสายตรงของรุ่นนี้ถึงสามารถใช้ได้

เรื่องนี้รุนแรงเกินไป ประมุขตระกูลเชียนพอเห็นเชียนหลิงอวี่ก็ปวดเศียรเวียนเกล้า ราวกับ เห็นไม้ผุท่อนหนึ่ง แต่เชียนหลิงเทียนกลับยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆ กล่าวกันว่า ประมุขตระกูลเชียนมีเจตนาจะปลดเชียนหลงิอวี่ออก แล้วให้เชียนหลิงเทียนกลายเป็นประมุขคนต่อไปแทน…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version