Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 568

บทที่ 568 ทองแท้ย่อมเปล่งประกายเสมอ 2

ดวงตาของเชียนหลิงอวี่พลันทอประกาย นานมากแล้วที่เขาไม่ได้รับการยอมจากผู้อื่น ทว่ายามนี้กลับได้รับการยอมรับจากนาง

กู้ซีจิ่วเบนหัวข้อสนทนาอีกครั้ง “เพียงแต่ข้าก็ดูแคลนเจ้าอยู่นิดหน่อยจริงๆ นั่นแหละ…”

เมื่อเห็นสีหน้าเชียนหลิงอวี่แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ก็เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “ไม่ใช่เพราะเจ้าเป็นสวะโง่งมอันใด แต่เป็นเพราะพฤติกรรมขี้ขลาดของเจ้า! เชียนหลิงอวี่ เจ้ากำลังหนีอยู่!”

เชียนหลิงอวี่ตะลึงงัน กู้ซีจิ่วก็คร้านจะยกเรื่องราวของผู้พิการแต่จิตใจมุ่งมั่นเหล่านั้นมากล่าวกับเขา จึงบอกเขาแค่ว่า “ทุกคนล้วนต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง ไม่ว่าจะพบเจอสถานการณ์ แบบไหนก็ควรเผชิญอย่างซึ่งๆ หน้า ทำพื้นฐานที่มีอยู่ตอนนี้ให้ดีที่สุด”

สุดท้ายจึงถามเขากลับว่า “เจ้าดูถูกตัวเจ้าเองยินยอมที่จะล้าหลัง แล้วยังเพ้อฝันว่าผู้อื่นจะไม่ดูแคลนเจ้าอีกหรือ?”

วาจานี้ทำให้เชียนหลิงอวี่หน้าดำหน้าแดง ถึงแม้ถ้อยคาที่กู้ซีจิ่วกล่าวเหล่านี้จะหนักหน่วงยิ่ง ทว่าเป็นความจริงทั้งสิ้น

คนๆ หนึ่งไม่ว่าจะพบเจอเรื่องราวใด หากแม้แต่ตนเองยังยอมแพ้ เช่นนั้นใครหน้าไหนจะยังสู้เพื่อเจ้าเล่า?

เชียนหลิงอวี่ไม่ยอมรับ “เจ้าก็พูดได้สิ เจ้าไม่เคยพบเจอสถานการณ์แบบข้านี่…”

กู้ซีจิ่วเอยขัดเขาทันที “ข้าเคยเป็นสวะไร้ค่าที่ไม่มีพลังวิญญาณเลยสักนิด! จนถึงยามนี้พลังวิญญาณของข้าก็ยังสู้เจ้าไม่ได้ด้วยซ้ำ! แต่ในพจนานุกรมของข้า ไม่เคยมีคำว่ายอมแพ้!”

ประโยคนี้ตอกหน้าจนหลิงเชียนอวี่พูดไม่ออก ทว่าในใจกลับ มีระลอกคลื่นซัดโหม…

ใช่แล้ว เด็กสาวที่อยู่เบื้องหน้าเคยพบเจอสถานการณ์ที่ย่ำแย่ยิ่งกว่าเขา แต่นางกลับมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองใช้ชีวิตอย่างมีสีสันเช่นนี้ แล้วเด็กหนุ่มอย่างเขาจะสู้เด็กสาวไม่ได้เชียวหรือ?!

เมื่อกู้ซีจิ่วเห็นว่าอารมณ์ของเขาถูกกระตุ้นแล้ว จึงไม่พูดต่ออีก

“ส่งมือมาให้ข้า” กู้ซีจิ่วยื่นมือไปหาเขา

“จะทำอะไร?” เชียนหลิงอวี่เลิกคิ้ว มองมือน้อยขาวนวลเนียนที่ยื่นมาตรงหน้า หัวใจเขาพลันเต้นแรงใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมา ซ้ำยังกล่าวออกไปตามสัญชาตญาณ “ชายหญิงมิควรสัมผัสชิดเชื้อ…”

กู้ซีจิ่วแทบจะอยากมะเหงกใส่เขา เจ้าเด็กน้อยปัญหามาก แถมยังหัวโบราณยิ่งนักอีก!

“วันนี้คุณหนูอย่างข้า อารมณ์ดี จะจับชีพจรให้เจ้าสักหน่อยแล้วกัน”

เชียนหลิงอวี่นิ่งไปครู่หนึ่ง ยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ “เจ้าจับชีพจรเป็น? เคยเรียนวิชาแพทย์หรือ?”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “พวกเจ้า ก็เคยได้ยินข่าวลือของคุณหนูอย่างข้ามาไม่น้อยนี่ หรือยังไม่เคยฟังเรื่องที่ ข้าเคยรักษาให้ผู้อื่น แม้แต่กู่ซีซีก็ยังเคยพ่ายแพ้ให้ข้ามาแล้ว?”

เชียนหลิงอวี่กล่าวงึมงำประโยคหนึ่ง “ข้านึกว่าเจ้าโชคดีดั่งแมวบอดพบหนูตายซะอีก…”

กู้ซีจิ่ว ร้องเหอะแล้วลุกขึ้นมาทันที “ในเมื่อไม่เชื่อข้าเช่นนั้นก็แล้วไปเถอะ เจ้าพลาดโอกาสครั้งนี้ไปอย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน!”

พลางเก็บข้าวเก็บของคิดจะจากไป

เพิ่งจะหันหลังไป ชายชุดด้านหลัง ก็ถูกคนดึงไว้ เธอเหลียวมอง

เชียนหลิงอวี่มองเธอด้วยความขลาดเขิน เสมือนเสือดาวน้อยตัวหนึ่งที่ประสบปัญหาทว่าไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี จึงยื่นอุ้งเท้า

ออกมาหาเธออย่างเอาใจ “เจ้าจับชีพจรให้ข้าหน่อยสิ”

….

เชียนหลิงอวี่มองกู้ซีจิ่วที่จับชีพจรให้ตน เห็นนางพริ้มตาลงเล็กน้อย ท่วงท่าการนั่งเป็นระเบียบเรียบร้อย ในใจเขายังคงไม่เชื่อ

นางเท่าไหร่ แม่นางน้อยที่อ่อนเยาว์ถึงเพียงนี้ความสามารถด้านการแพทย์จะล้ำเลิศได้สักแค่ไหนกันเชียว?

ถึงอย่างไรยามนี้เขาเป็นเช่นนี้แล้ว จึงไม่คาดหวังต่ออาการเจ็บป่วยของตนเองอีก ดังนั้นไม่ว่ากู้ซีจิ่วจะพูดอะไรออกมาเขาล้วนไม่อนาทรร้อนใจ ไม่เจ็บปวดอีกแล้ว

ผ่านไปสักครู่ กู้ซีจิ่วลืมตาขึ้น นัยน์ตาขาวดำตัดกันชัดเจนคู่นั้นมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นโน้มตัวเข้ามาพลิกเปลือกตาเขาดู…

กลิ่นกายสาวหอมจางๆ อบอวลอยู่ที่ปลายจมูก จู่ๆ หัวใจเชียนหลิงอวี่ก็เต้นรัวขึ้นมา ยามประหม่าเขาจะชอบพูดจาไร้สาระ “ดูเจ้าสิ กระทำเรื่องอุกอาจปานนี้…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version