Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 632

ตอนที่ 632 ฝึกฝนเพื่อนร่วมทีมสมองหมูสองคนนั้น

ด้วยเหตุนี้จึงหักใจย้ายนางไปไว้ชั้นเรียนเมฆาคล้อย อยู่รวมกลุ่มกับศิษย์ที่มีปัญหาคนอื่นๆ หวังเพียงว่าจะกระตุ้นให้นางมุมานะก้าวผ่านสิ่งนี้ไปได้

ศิษย์ของในชั้นเรียนเมฆาคล้อยก็ต้องแข่งขันอยู่บ่อยๆ เช่นกัน

น่าจะเป็นเพราะกิตติศัพท์ ‘ตัวถ่วงกลุ่ม’ ของหลานไว่หูโด่งดังเกินไป ทุกครั้งที่ชั้นเรียนเมฆาคล้อยต้องจับกลุ่มแข่งขัน ทุกคนล้วนหลบเลี่ยงนางทั้งสิ้น

ดังนั้นทุกครั้งที่ต้องแข่งวรยุทธ์ หลานไว่หูล้วนไม่มีกลุ่มให้เข้า ทำได้เพียงยืนมองตาละห้อยอยู่วงนอก มองผู้อื่นรบรากันอย่างคึกคักเร่าร้อน มองผู้อื่นจับกลุ่มกันไปล่าสัตว์ที่หลังเขา

บางครั้งนางก็รวบรวมความกล้า เข้าไปร่วมด้วย ผลคือคนเหล่านั้นบ้างก็ไม่แยแสนาง บ้างก็วิ่งหนีไวยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก…

ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มานานกว่าครึ่งปีแล้ว จนกระทั่งกู้ซีจิ่วมาถึง

หลังจากกู้ซีจิ่วเข้าชั้นเรียนเมฆาคล้อย ทุกคนต่างปฏิบัติต่อเธออย่างสนใจใคร่รู้ ปนกับระแวดระวัง

หลังจากผ่านเหตุการณ์ก่อนหน้าเหล่านั้นมา ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกเธออีก แต่ก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้เธอเช่นกัน

พวกเขาเลื่อมใสที่เธอแตกฉานด้านวิชาแพทย์ แต่พวกเขาก็หวาดระแวงแผนการอันล้ำลึกของเธอ

คนเหล่านี้ถึงแม้จะเป็นอัจฉริยะ แต่สุดท้ายก็ล้วนเป็นเด็กอายุสิบสี่สิบห้าทั้งสิ้น โลกของเด็กไม่ชมชอบคนที่เฉลียวฉลาดมากเกินไป

ประกอบกับพลังวิญญาณของกู้ซีจิ่วเพิ่งจะขั้นห้า ต่อให้เป็นชั้นเรียนเมฆาคล้อยก็ถือว่าเป็นที่โหล่ คนอื่นไม่ทราบเลยว่าที่แท้แล้วพลังยุทธ์ของเธอเป็นอย่างไร ดังนั้นยามที่จับกลุ่มจึงไม่ต้องการร่วมกลุ่มกับเธอ

มีเพียงเชียนหลิงอวี่ที่กล้าจับกลุ่มกับเธอ

หนึ่งกลุ่มต้องมีอย่างน้อยสามคน ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงนับหลานไว่หูที่เฝ้าดูอยู่วงนอกร่วมกลุ่มด้วย…

การรวมตัวกันของกลุ่มนี้ค่อนข้างประหลาดอยู่บ้าง เชียนหลิงอวี่เคยสอบได้ที่โหล่ของชั้นนี้ แต่ทุกคนล้วนทราบกันถ้วนหน้าว่า พลังวิญญาณของเขาฟื้นฟูกลับมาแล้ว สิ่งที่เป็นจุดด้อยคือความเข้าใจในการประสานวิชายุทธ์กับพลังวิญญาณ กระบวนท่าผสานพลังวิญญาณทั้งหมดที่ได้เรียนก็ไม่นับว่ามาก ดังนั้นทุกคนจึงเดาไม่ออก ยามต่อสู้เขาจะสำแดงออกมาระดับใด

กู้ซีจิ่วพลังวิญญาณตํ่า วิชาพิษสูงส่ง มีประสบการณ์ต่อสู้ แต่อาจารย์ได้กล่าวไว้ชัดเจนแล้วว่า ระหว่างการแข่ง ใช้พิษไม่ได้ ใช้วิชาเคลื่อนย้ายไม่ได้ ใช้ได้เพียงกระบวนท่าที่อาจารย์สอนให้…

ด้วยเหตุนี้ข้อได้เปรียบของกู้ซีจิ่วจึงหายไปหมด

ส่วนหลานไว่หู สิ่งที่นางทำเป็นประจำคือสาดนํ้าลงบนเปลวไฟ…

ดังนั้นยามที่กู้ซีจิ่วเข้าสู่ชั้นเรียนเมฆาคล้อยแล้ว ต้องจับกลุ่มต่อสู้เป็นครั้งแรก จึงพ่ายแพ้อย่างน่าผิดหวัง

หลักการอยู่รอดของกู้ซีจิ่วคือ ไม่ว่าจะทำหรือไม่ทำอะไร ก็ต้องทำให้ดี เธอจะไม่ยอมล้าหลังคนอื่น

หลังจากพ่ายแพ้เป็นครั้งแรก เธอจดจำบทเรียนที่เจ็บปวดไว้ เธอก็เริ่มวางแผลกลยุทธ์ พลางถือโอกาสฝึกฝนเพื่อนร่วมทีมสมองหมูสองคนนั้นตามแนวทางของตัวเอง

อันที่จริงแนวทางการจับกลุ่มสู้เช่นนี้ค่อนข้างเหมือนการต่อสู้ในเกมออนไลน์มาก

บางคนเหมาะกับโจมตีระยะประชิด บางคนเหมาะกับโจมตีระยะไกล บางคนเหมาะจะคุมเกม

แต่สิ่งที่ทุกคนที่ต้องทำร่วมกันในการจับกลุ่มสู้ก็คือเสริมจุดเด่น หักล้างจุดด้อยของกันและกัน มีตัวต้านหลัก ตัวต้านรอง มีตัวคุมเกม…

ชาติก่อนฝีมือการเล่นเกมส์ของกู้ซีจิ่วสูงส่ง เก่งด้านคุมเกม คนที่สามารถดวลตัวต่อตัวกับเธอได้มีอยู่แค่ไม่กี่คน แถมเธอยังเป็นหัวหน้ากิลด์อีกด้วย ในเกมออนไลน์นั้น ‘กิลด์หมาป่านภาขจร’ ของเธอแข็งแกร่งที่สุด

ยอดฝีมือในกิลด์มีมากมายดั่งเมฆา แต่กลับนับถือเธอที่สุด เนื่องจากกองกำลังที่ต่อสู้ภายใต้การบัญชาของเธอยังไม่เคยปราชัยเลยสักครั้ง ทีมที่มีเธออยู่ล้วนชนะทุกครั้ง ความสามารถด้านบัญชาการของเธอยอดเยี่ยมมาก

ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน หลังจากสู้แพ้เป็นครั้งแรกเธอก็เริ่มสรุปจุดเด่นจุดด้อยของกลุ่มตัวเอง

ในกลุ่มนี้ของเธอเชียนหลิงอวี่ยังดีหน่อย เจ้าเด็กนี่มีฝีมือด้านต่อสู้ กระบวนท่าต่อสู้เล็กน้อยก็กระจ่างแจ้งแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องเปลืองสมองเกินไป

มีเพียงหลานไว่หูเท่านั้น สาวน้อยคนนี้สติทึบด้านการต่อสู้…

กู้ซีจิ่วสละเวลาว่างห้าวันเพื่อมาฝึกฝนนางโดยเฉพาะ ให้นางฝึกซ้อมกระบวนท่าทั้งหมดที่เป็นต่อหน้าเธอหนึ่งรอบ ปรากฏว่ากระบวนท่าเหล่านี้ยามแม่นางน้อยใช้ออกมาเดี่ยวๆ ล้วนทรงอานุภาพไม่น้อยแต่พอผสมผสานกัน กลับเละเทะวุ่นวาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version