Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 633

ตอนที่ 633 นี่ทำให้เธอไม่สบอารมณ์ยิ่ง…

ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงเริ่มสอนนางว่าต้องสอดประสานอย่างไร ผลคือสาวน้อยผู้นี้จำไม่ได้ หลงๆ ลืมๆ ยามปกติควรใช้กระบวนท่านี้ นางกลับไปใช้ท่าอื่น สาดนํ้าลงไปเต็มหัวเชียนหลิงอวี่ที่เป็นคู่ซ้อมของนาง…

เชียนหลิงอวี่ถูกราดนํ้าใส่สามสิบครั้งในวันเดียว ในที่สุดก็เตลิดหนีไป!

ระเบิดโทสะตามประสาคุณชายน้อยใส่หลานไว่หูครู่หนึ่งแล้วหันหลังจากไป

หลานไว่หูแสดงสีหน้าสำนึกผิด มองดูกู้ซีจิ่ว “ซีจิ่วข…ข้า โง่มากใช่ไหม? จ…เจ้า ก็ไม่ต้องการข้าแล้วเหมือนกันใช่ไหม?”

กู้ซีจิ่วนวดคลึงหว่างคิ้ว มองท่าทางตาละห้อยของนางแล้ว ใจไม่แข็งพอ ส่ายหน้า พลางเอ่ยว่า “เจ้าฝึกต่อไป ขอเพียงเจ้าอยากเข้าร่วม ข้าก็จะไม่ทิ้งเจ้า”

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่ทอดทิ้งเพื่อนร่วมกลุ่มคนนี้

ครั้งนี้ก็เช่นกัน

ด้วยเหตุนี้หลานไว่หูจึงโห่ร้องอย่างยินดี มานะฝึกฝนต่ออีกครั้ง

กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ตรงนั้นมองดูนางพลางขบคิดไปด้วย จิ้งจอกน้อยตัวนี้ประสานงานกับคนอื่นไม่ได้ แล้วถ้าให้คนที่ร่วมกลุ่มกับนางเป็นฝ่ายประสานกับ นางเองล่ะ?

นี่เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก!

ขณะที่เธอกำลังจะไปลองปฏิบัติตามความคิดนี้ ด้านหลังก็มีเสียงคนกระแอมไอเบาๆ

เธอหันหลังไป มองเห็นเยี่ยนเฉินยืนอยู่ตรงนั้น กำลังมองหลานไว่หูที่ฝึกฝนจนเหงื่อโซมหน้าอยู่ในสนาม แววตาซับซ้อนอยู่

บ้าง

หลายวันมานี้กู้ซีจิ่วไม่ชอบขี้หน้าเขามาก เนื่องจากเจ้าหนุ่มคนนี้มักจะมองว่าเธอขวางหูขวางตาทุกครั้ง ระแวงเธอปานระแวง

หมาป่า สายตาที่มองเธอประหนึ่งมองพังพอนเหลือง เกรงว่าเธอจะวางอุบายลูกไก่น้อยหลานไว่หู นี่ทำให้เธอไม่สบอารมณ์ยิ่ง…

เวลาที่กู้ซีจิ่วอารมณ์ไม่ดี เธอมักจะทำให้คนอื่นอารมณ์ ไม่ดีไปด้วย

ดังนั้นบางครั้งกู้ซีจิ่วก็จงใจไปหาเรื่องเยี่ยนเฉิน

ยกตัวอย่างเช่น บังเอิญพบเยี่ยนเฉินล่าสัตว์ร้ายเพียงลำพังอยู่ในหุบเขา เธอจะซัดวิชาแยกวายุเข้าไปเสมอ ทำให้สัตว์ที่เยี่ยนเฉิน

ซุ่มโจมตีอยู่หลายชั่วยามถึงจะดักไว้ได้ตกใจจนหนีไป…

บางครั้งก็ให้ลู่อู๋น้อยแอบติดตามเยี่ยนเฉิน ถึงแม้ลู่อู๋น้อยจะเป็นแค่ลูกสัตว์ แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นสัตว์ขั้นแปด ไม่ว่ามันจะไปที่ใด

เหล่าสัตว์ ได้กลิ่นลอยลมมาแต่ไกลก็หนีไปซ่อนตัว ดังนั้นทุกครั้ง ที่ลู่อู๋น้อยลงสนาม เยี่ยนเฉินเดินเตร่อยู่ในหุบเขาตั้งนานสองนานก็

ไม่พบแม้แต่กระต่ายสักตัว มักจะคว้านํ้าเหลว

อาหารการกินในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ส่วนมากล้วนอาศัยสัตว์ที่เหล่าศิษย์ออกไปล่า หรือพืชผักที่ศิษย์เก็บเกี่ยวมาทั้งสิ้น

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นศิษย์ของชั้นเรียนเมฆาม่วงหรือชั้นเรียนเมฆาคล้อย ทุกเดือนล้วนต้องรับภารกิจด้านนี้

เดิมทีเยี่ยนเฉินล้วนปฏิบัติภารกิจได้สมบูรณ์เกินเกณฑ์ บางครั้งถึงขั้นสมบูรณ์เกินเกณฑ์ไปสามถึงสี่เท่าเลย กลายเป็นแบบที่ควรเอาเยี่ยงอย่างของชั้นเรียน ถูกอาจารย์ของทุกชั้นยื้อแย่งเขามาเป็นแบบอย่างในการสอนศิษย์ในชั้นเรียนตน

แต่หลังจากเขาขัดแย้งกับกู้ซีจิ่ว ผลงานล่าสัตว์ของเขาก็เริ่มดิ่งลง แม้แต่จะผ่านเกณฑ์ก็ยังยาก

พ่อครัวใหญ่ของห้องครัว ก็มองเยี่ยนเฉินด้วยสายที่ค่อนข้างลึกซึ้ง ถามอย่างเป็นห่วงหลายครั้งว่า ร่างกายเยี่ยนเฉินเจ็บปวด

หรือไม่ แม้แต่อาจารย์ของเขาก็เริ่มกังวลกับสภาพของเขาแล้ว…

เยี่ยนเฉินมีนิสัยหยิ่งทะนง เขามีความกลัดกลุ้มที่พูดออกไปไม่ได้ และไม่อยากบอกว่าถูกกู้ซีจิ่วก่อกวน…

ในเมื่อล่าสัตว์ไม่ได้ เขาเลยเปลี่ยนไปเก็บสมุนไพรวิญญาณแทนเพื่อช่วยให้ภารกิจสำเร็จทางอ้อม

แต่ลู่อู๋ตัวนั้นประหนึ่งแผ่นยาหนังสุนัข ไม่ว่าเขาพบสิ่งใด ยังไม่ทันได้เก็บเกี่ยว เจ้านี่ก็ไม่รู้ว่าโผล่มาจากซอกหลืบรูใด ตวัดกรงเล็บใส่สมุนไพรนั้นจนแหลกละเอียด จากนั้นก็วิ่งฉิวหายไปอย่างไร้ร่องรอย มันวิ่งเร็วปานลมกรด เยี่ยนเฉินไล่ตามมันอยู่หลายครั้ง ก็พบว่าเร็วสู้สี่ขาของเจ้านี่ไม่ได้ ได้แต่ถลึงตามองหางทั้งเก้าแกว่งไกวจนหายลับไป

เขารู้สึกอยู่เสมอว่าหางของมันแกว่งเป็นแบบแผนอะไรสักอย่าง ยามนั้นจึงจับตามองอย่างใกล้ชิด พบว่าหางอันหนึ่งของมันงอเป็นรูป S หางอีก สองอันรวมกัน เป็นรูป B[1]…

——————————————————————

[1] SB เป็นคำแสลงบนอินเทอร์เน็ตของชาวจีน ความหมายคือ ไอ้โง่ หรือไอ้กระจอก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version