Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 648

บทที่ 648 ตี้ฝูอียอมหักไม่ยอมงอ

พวกเขาเริ่มศึกษากลยุทธ์ของกลุ่มกู้ซีจิ่ว จากนั้นก็หาเพื่อนร่วมกลุ่มที่เหมาะสมอีกครั้ง บางครั้งท้าประลองกันบ้างเพื่อหาแรงบันดาลใจ พัฒนาตัวเอง

….

วันเวลาผ่านไปว่องไวนัก พริบตาเดียวก็ผ่านไปสามเดือนแล้ว เข้าสู้ช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงอีกครั้ง เมฆาเคลื่อนคล้อยลอยล่องบนเวหา บดบัดจันทร์ เสี้ยวที่แขวนลอยกลางนภา

กู้ซีจิ่วกำลังนั่งบนโขดหินใหญ่ ริมผาสูงชัน เงยหน้ามองดวงจันทร์อย่างค่อนข้างใจลอย เธอไม่ใช่เด็กสาวประเภทที่ชอบรับลมแล้วหลั่งนํ้าตาเหม่อ มองจันทร์แล้วชํ้าชอก นั่นเป็นเรื่องที่พวกนักกวีที่ชมชอบธรรมชาตินิยมทำกัน เหตุผลที่นั่งใจลอยอยู่ที่นี่เป็นเพราะเธอกำลังทบทวนตัวเองอยู่

เธอรู้สึกว่าอันที่จริงเธอก็เป็นคนที่รักมั่นถือมั่นคนหนึ่ง

ยกตัวอย่างเช่นในยุคปัจจุบันเธอชอบดาราชายคนหนึ่งตั้งแต่อายุสิบสอง จากนั้นก็ชอบมาโดยตลอด

ไม่ว่าเขาจะเป็นหนุ่มหล่อน่ากินคนหนึ่ง หรือเป็นตาลุงที่ค่อนข้างตกยุคแล้ว เธอก็ยังชอบอยู่ตลอด ต่อให้เข้าสู่ค่ายฝึกนักฆ่าแล้วก็ยังชอบ

ทุกปีจะต้องเก็บสะสมโปสเตอร์ของเขาหลายแผ่น ตั้งแต่เขาอายุยี่สิบหกหน้าใสเต่งตึง จนเขาอายุสามสิบหก ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยของกาลเวลา เธอก็ชอบทั้งนั้น

อีกตัวอย่างคือเธอเริ่มชอบหลงซีตอนอายุสิบแปด รู้สึกว่าเขาคือไทป์ที่ตนชอบ น่าจะเป็นคนที่จะอยู่ตนได้ไปชั่วชีวิต ดังนั้นเธอจึงเริ่มไล่ตามทีละๆ ก้าวอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ถึงขั้นวางแผนอย่างละเอียดไว้ในใจ ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน วางแผนมาเกือบห้าปี อีกนิดเดียวก็จะสำเร็จอยู่แล้ว!

จวบจนวินาทีที่ตาย เธอถึงได้รู้ว่าหลงซีก็วางแผนเรื่องเธอเหมือนกัน …

ที่ต่างกันก็คือ เธอวางแผนจะจับเขาทำสามี แต่เขาวางแผนเพื่อให้ได้หัวใจ(อวัยวะ)เธออย่างสมบูรณ์ที่สุด…

เมื่อมาถึงโลกนี้ เธอตัดสินใจว่าจะตัดขาดจากอดีต นึกไม่ถึงว่าจะต้องพบกับหลงซือเย่ผู้นี้อีก เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าหน้าไม่ได้เหมือนหลงซีไปเสียทั้งหมด นิสัยทั้งหมดก็เปลี่ยนไป แต่ยังมีความทรงจำของหลงซีอยู่ ถึงขั้นยังพัวพันเธอไม่ยอมเลิกรา ทำให้เธอกลุ้มใจมาก

ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ชายที่เธอชอบพอมานานหลายปี ซํ้าเธอยังรักมั่นถือมั่นปานนี้ เธอคิดว่าต่อให้เธออยากสลัดอีกฝ่ายทิ้งไว้ในอดีตแค่ไหนก็คงทิ้งไม่ลง แต่ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่ตอนไหนกัน ดูเหมือนว่าเธอปล่อยวางเรื่องหลงซีได้แล้ว เธอไม่ได้นึกถึงเขาบ่อยๆ อีกแล้ว ต่อให้นึกถึงขึ้นมาอีก ก็ไม่รู้สึกทุกข์ทรมานถึงเพียงนั้นแล้ว…

และไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่ตอนไหนเหมือนกัน ดูเหมือนเธอจะมีความรู้สึกต่อตี้ฝูอี ชอบที่จะได้ฟังข่าวคราวของเขา พอได้ยินคนอื่นเอ่ยถึงนามนี้ขึ้นมา หัวใจเธอจะเต้นแรง ยามที่เธอคิดว่าตัวเองน่าจะชอบตี้ฝูอีเข้าแล้ว เธอก็ได้พบกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อีก…

ความรู้สึกชอบพอที่เธอมีต่อท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงส่งก็ก่อตัวขึ้นมา และความชอบพอนั้นก็ไม่ต่างกับที่มีให้ตี้ฝูอีเลย เวลาที่ได้ยินคนอื่นเอ่ยถึงท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา หัวใจเธอก็เต้นแรงเหมือนกัน…

กู้ซีจิ่วยกมือนวดคลึงหว่างคิ้ว เธอไม่ใช่คนหลายใจพรรค์นั้นชัดๆ แล้วจะชอบผู้ชายสองคนในเวลาเดียวกันได้ยังไง?!

หรือร่างกายเล็กๆ นี่ผิดปกติอะไรขึ้นมา?

จะว่าไปเมื่อก่อนร่างนี้ของเธอก็ค่อนข้างคลั่งรักไม่น้อย เพียงแต่เก็บซ่อนไว้ค่อนข้างลึก…

พอนึกถึงตี้ฝูอี เธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงความฝันเมื่อคืน ความฝันนั้นค่อนข้างเหลวไหลเลอะเทอะ แปลกประหลาดยิ่งนัก

เธอฝันว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เรียกตี้ฝูอีมาเจอต่อหน้าเธอ จากนั้นก็บอกเขาว่า อยากให้เธอออกเรือนกับเขา แต่เงื่อนไขแรกคือเขาต้องมอบกาสุราน้อยใบนั้นให้เป็นสินสอด และในฝันตี้ฝูอีมีสีหน้ายอมหักไม่ยอมงอ กอดกาสุราใบน้อยของเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย กล่าวอะไรทำนองว่าจะร่วมเป็นร่วมตายกับกาสุราใบน้อย คนอยู่กาอยู่ ยอมไม่แต่งานแต่ไม่ยอมเสียกาสุราไป ส่งผลให้เธอสะดุ้งตื่นทันที!

ว่ากันตามจริง เธอไม่ได้พบตี้ฝูอีมาหลายเดือนแล้ว เพียงแต่ทราบจากปากสหายร่วมสำนักมาบ้างว่าเขาดูเหมือนจะสบายดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!